สารบัญเนื้อหา
หลายครั้งที่เรานนั้นรู้สึกปวดท้องขึ้นมา เราก็มักที่จะตั้งคำถามกับตัวเองว่าอาการปวดเหล่านี้นั้นเกิดมาจากอะไร
แต่ความจริงแล้วอาการปวดท้อง ก็ถือว่าเป็นอาการที่เราเจอกันได้บ่อยๆ หลายครั้งที่มักจะเป็นอาการปวดท้องแบบทั่วไป ไม่ว่าจะเป็นท้องอืด ท้องเฟ้อ อาหารไม่ย่อย เพียงแค่กิน ยาลดกรด ก็สามารถหายได้แล้ว แต่อาการปวดท้องบางครั้งอาจเป็นสัญญาณเตือนถึงความผิดปกติภายในดังนั้นควรสังเกตตัวเองถ้าหากกินยาแล้วไม่หายปวด อาจจะต้องไปพบแพทย์ต่อไป
ปวดท้องด้านซ้ายล่าง ควรไปหาหมอเมื่อไหร่
- มีไข้สูง
- มีอาการปวดรุนแรง
- กดหรือแตะถูกเจ็บ
- หรือหน้ามืดเป็นลม
- กินยาบรรเทาปวดแล้วไม่ทุเลา
อาการนิ่วในท่อไต
- อาการปวดอย่างรุนแรงเป็นระยะ ๆ รอบ ๆ ด้านข้างของร่างกายและด้านหลัง
- บางครั้งอาการอาจจะปวดในช่องท้องลงถึงขาหนีบ
- ปวดขณะปัสสาวะ ปัสสาวะแสบขัด ปัสสาวะบ่อย น้ำปัสสาวะน้อยแบบผิดปกติ
- เวลาที่ปัสสาวะ จะเห็นได้เลยว่ามีเลือดในปัสสาวะมีสีน้ำตาลหรือชมพู
- มีไข้ หนาวสั่น
- คลื่นไส้ อาเจียน
- อาการปวดท้องอาจเป็น ๆ หาย ๆ แต่ถ้านิ่วยังไม่หลุดออก ก็ปวดได้เรื่อย ๆ
วิธีรักษานิ่วในท่อไต
- ถ้ามีการตรวจพบว่าเป็นนิ่วในท่อไต ทางแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะทำการจ่ายยากลุ่มแอนตี้สปาสโมดิก เพื่อกินบรรเทาอาการปวดท้อง ก่อนที่จะมีการนัดให้มาตรวจซ้ำภายใน 1-2 สัปดาห์
- ในกรณีที่ก้อนนิ่วมีขนาดใหญ่ ไม่สามารถที่จะหลุดออกมาได้เอง ทางแพทย์อาจต้องรักษาด้วยการผ่าตัด หรือใช้การใช้เครื่องสลายนิ่ว
ปีกมดลูกอักเสบ (Salpingitis)
ปีกมดลูกอักเสบส่วนใหญ่เป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อีกอย่างหนึ่ง ส่วนมากแล้วเชื้อที่พบมากที่สุดคือโรคหนองในตามด้วยการติดเชื้อหนองในเทียม ซึ่งในอาการจะมีอาการปวดท้องน้อยและมีการตกขาวรวมด้วย
อาการปีกมดลูกอักเสบ
- ปวดท้องน้อยทั้งสองข้าง หรือ ข้างใดข้างหนึ่ง
- มีไข้สูง หนาวสั่น
- ตกขาวออกเป็นหนองและมีกลิ่นเหม็นแบบผิดปกติ
- บางท่านอาจมีอาการปวดหลัง คลื่นไส้ อาเจียน
- อาจมีอาการขัดเบา ปัสสาวะปวดแสบขัดร่วมด้วย
- อาจมีประจำเดือนออกมาก และมีกลิ่นเหม็นในรายที่เกิดจากการติดเชื้อหนองใน
สาเหตุปีกมดลูกอักเสบ
- ติดเชื้อจากการสวนล้างช่องคลอด
- เป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ จากเชื้อหนองใน และเชื้อคลามัยเดีย
- เกิดจากการทำแท้งที่ไม่สะอาด และมีเชื้อโรคแพร่กระจายเข้าในมดลูกและปีกมดลูก
วิธีรักษาปีกมดลูกอักเสบ
ถ้าตรวจแล้วว่ามีอาการติดเชื้อของปีกมดลูกจนถึงขั้นอักเสบ ในกรณีที่มีอาการไม่มาก แพทย์ก็จะให้ยาปฏิชีวนะชนิดกินมาให้เราทานบรรเทาอาการปวด ส่วนในกรณีที่ติดเชื้อขั้นรุนแรง หรือมีอาการปวดมาก อาจจะต้องได้รับยาปฏิชีวนะชนิดยาฉีด