ความแตกต่างระหว่าง ไข้หวัด และ ไข้เหลือดออก

ช่วงหน้าฝนแบบนี้เป็นช่วงที่ไข้เลือกออกมักจะระบาดมาที่สุดใน 3 ฤดูกาลของบ้านเราเนื่องจากฝนที่ตกลงมานั้นทำให้มีน้ำขังเป็นแหล่งวางไข่ของยุงลายเพิ่มมากขึ้น แต่ก็มีหลายคนที่ต้องเป็นหวัดเพราะโดนฝนบ่อยๆ แล้วแบบนี้เรานั้นจะรู้ได้อย่างไรละว่าความจริงแล้วตัวเราแค่เป็นหวัดธรรมดาหรือเป็นข้าเลือดออกกันแน่ วันนี้เราจึงมาไขข้อสงสัยให้ทุกคนได้ทำการเข้าใจกันว่าตัวเองนั้นเป็นอะรกันแน่ตามมาอ่านกันได้เลยค่ะ

ความแตกต่างระหว่าง ไข้หวัด และ ไข้เหลือดออก

อาการของไข้หวัดธรรมดา

1. รู้สึกตัวร้อน มีไข้ อาจจะไข้สูง หรือต่ำ
2. ปวดตามกล้ามเนื้อ
3. คัดจมูก
4. ไอ
5. เจ็บคอ
6. ปวดศีรษะ
7. อ่อนเพลีย เหนื่อยง่าย

อาการจากการเป็นไข้หวัดจะดีขึ้นภายใน 2-3 วัน หลังจากที่รับประทานยาลดไข้ และยาลดอาการอื่นๆ

อาการของไข้เลือดออก

1. ไข้สูงลอยภายใน 2-7 วัน ไข้จะขึ้นสูงอย่างฉับพลัน และมักสูงเกิน 38.5 องศาเซลเซียส
2. เป็นอาการผิดปกติที่ไม่มีอาการน้ำมูกไหล หรือแม้แต่อาการไอ
3. อาจมีอาการคลื่นไส้ อาเจียน
4. เบื่ออาหารไม่อยากทานข้าว
5. อาจมีเลือดกำเดาหรือเลือดออกตามไรฟัน
6. ผื่นขึ้นที่ผิวหนังเป็นจุดเลือดเล็กๆ กระจายตามแขน ขา ลำตัว รักแร้
7. อุจจาระเป็นเลือด หรืออุจจาระเป็นสีดำผิดปกติ
8. เมื่อกดบริเวณตับจะรู้สึกเจ็บเพราะมีอาการตับโต ในระยะ 3-4 วันหลังเริ่มมีอาการป่วยวันแรก

หากไม่สบาย มีไข้ ควรทำอย่างไร

ควรสังเกตอาการของตัวเราเองให้ดีว่าความจริงแล้วเรานั้นเป็นไข้หวัดธรรมดา หรือเป็นไข้เลือดออกกันแน่ โดยวัดจากความน่าจะเป็น ว่าตัวเองเคยถูกยุงลายกัดหรือไม่ หรือการที่มีไข้สูงโดยที่ไม่ลดเลยติดต่อกัน 2-3 วัน ก็ควรที่จะรีบไปพบแพทย์เพื่อตรวจร่างกายอย่างละเอียดต่อไป เพราะอาจเป็นไข้เลือดออก หรือไข้หวัดใหญ่ได้ทั้งนั้น