ถึงแม้ว่าจะเป็นเพียงแค่ช่วงเวลาสั้นๆ แต่ประเทศไทยก็เป็นอีกหนึ่งประเทศที่ประสบฝุ่น PM 2.5 เกินค่ามาตรฐาน ทำให้ผู้คนต้องสวมหน้ากากกันฝุ่น และที่เรานั้นเห็นอยู่บ่อยครั้งก็คือหน้ากากสีเขียวที่เราคุ้นเคย และหน้ากาก N95 ที่ถูกแนะนำว่าสามารถป้องกันฝุ่น PM 2.5 ได้มีประสิทธิภาพมากที่สุด แต่เจ้าหน้ากาก N95 นั้นถูกผลิตออกมาหลากหลายรูปแบบ แต่ละรูปแบบแตกต่างกันอย่างไร ตามมาดู วิธีเลือกใช้ หน้ากาก n95 อย่างเหมาะสมได้เลย
สารบัญเนื้อหา
หน้ากาก N95 แบ่งออกเป็น 4 ประเภทดังนี้
1) Cup Shape
หน้ากากรุ่นคลาสสิคที่ใครเห็นก็ต้องร้องอ๋อ ออกมา เนื่องจากมีการใช้งานค่อนข้างมาก หน้ากากนี้เป็นหน้ากากที่ค่อนข้างแข็งและกระชับกับใบหน้า
“ข้อดี” หน้ากากมีความกระชับอย่างแน่นหนา มีประสิทธิภาพในการป้องกันฝุ่นและลอง PM 2.5 ได้อย่างแน่นอน (ถ้าใส่อย่างถูกต้อง) เมื่อหายใจหน้ากากจะไม่ยุบตัวเข้าและออกสัมผัสใบหน้าให้รู้สึกระคายเคืองหรือรำคาญ
“ข้อเสีย” เก็บรักษายากเพราะไม่พับเก็บไม่ได้ หน้ากากแน่นมาก อาจอึดอัดหากจะต้องสวมใส่เป็นเวลานาน ทำให้หายใจลำบาก ควรสวมใส่เมื่ออยู่นอกอาคารเมื่อต้องเผชิญกับฝุ่นจำนวนมากเท่านั้น หากเข้ามาภายในอาคารควรถอดออก
2) 2-Panel Flat-fold
แบบรูปทรงหน้าตาจะคล้ายครึ่งกับ Cup Shape แต่จะถูกออกแบบมาให้ เนื้อสัมผัสจะเบากว่า และจะเป็นแบบกึ่งคงรูป ไม่ได้แข็ง กระขับใบหน้าเหมือนกับทรงของ Cup Shape
“ข้อดี” มันเข้ากับรูปหน้าของเราไดด้ดีกว่า Cup Shape มีความสวมใส่สบายเพราะยืดหยุ่นกว่า และพับเก็บได้
“ข้อเสีย”ถ้าใส่หลวมเกินไป หรือใสไม่ถูกวิธี อาจมีช่องทางที่ให้ฝุ่นไหลเข้าไปได้ เมื่อหายใจเข้าและออกอาจรู้สึกว่าหน้ากากสัมผัสใบหน้าเล็กน้อยอาจทำให้เกิดการระคายเคืองหรือรรำคาญได้
3) V-Flex
อีกรุ่นที่ได้รับความนิยม (หน้าตาแปลกตาเล็กน้อย) คือหน้ากากที่ไม่มีรูปร่างคงตัว สามารถปิดบังได้ทั้งหมดของโครงหน้า เป็นอีกหนึ่งหน้ากากที่ใส่สบาย พกพาสะดวกง่าย
“ข้อดี” สามารถพับเก็บได้ สวมใส่สบาย พกพาสะดวก ไม่บีบหน้า
“ข้อเสีย” หากใส่หลวมเกินไปอาจมีช่องทางที่ให้ฝุ่นเข้าได้ เนื่องากเป็นหน้ากากที่ไม่มีรูปทรงที่มั่นคง ทำให้เวลาในการหายใจเข้าและออกหน้ากากจะสัมผัสกับใบหน้าบ่อยครั้งและบทวิจารณ์มากมายบอกว่าสำหรับสาว ๆ ที่แต่งหน้ามีปัญหาเปื้อน ด้านในของหน้ากาก
4) 3-Panel Flat-fold
เป็นอีกรูปแบบหนึ่งของหน้ากาก N95 ที่เริ่มเห็นคนนิยมใช้มากขึ้นและค่อนข้างมีประสิทธิภาพ ส่วนด้านบนทำจากผ้า โค้งรับได้ดีกับใบหน้า ช่วยในการปกปิดอากาศได้ดีมากขึ้น โดยโครงแข็ง ด้านล่าง ที่ทำจากผ้าคลุมไปถึงใต้คาง
“ข้อดี” สามารถปกปิดอย่างสมบูรณ์ สวมใส่สบายและเนื่องจากจุดศูนย์กลางเป็นเฟรมแข็งดังนั้นการหายใจจะไม่ยุบเข้า – ออก ทำให้ไม่ต้องรำคาญ
“ข้อเสีย” ส่วนใหญ่มักจะมีเพียงสายรัดด้านหลัง ทำให้สวมใส่ยาก และหากไม่ใส่อย่างถูกวิธีอาจทำให้ฝุ่นเข้าไป
หน้ากาก n95 ใช้ได้กี่ครั้ง
ในความเป็นจริงคำแนะนำที่ดีที่สุดคือเปลี่ยนหน้ากากทุกวัน เนื่องจากประสิทธิภาพการกันฝุ่นของหน้ากากนั้นลดลงตามอายุการใช้งาน ที่สำคัญหากใช้เป็นเวลานานก็ยังเป็นแหล่งสะสมของเชื้อโรคและแบคทีเรียซะด้วย
แต่ด้วยราคาที่ค่อนข้างสูง หากจะต้องเปลี่ยนใหม่ทุกวันอาจส่งผลกระทบต่อเงินในกระเป๋าของเราแน่นอน ดังนั้นเราอาจใช้วิธีการสังเกต สีของหน้ากาก ว่ามีการเปลี่ยนแปลงมากน้อยเพียงใด หากสีขาวสะอาดเริ่มเปลี่ยนเป็นสีเทา ก็ควรถึงเวลาเปลี่ยน (ส่วนใหญ่ไม่ควรใช้ซ้ำๆ เกิน 3 วัน) หรือสังเกต ถ้าเรามีอาการไอหรือจามบ่อย ต้องผ่านในที่ที่มีฝุ่นมาก ก็ขอแนะนำว่าให้เปลี่ยนบ่อยหน่อย
สิ่งที่ต้องดูก่อนซื้อ หน้ากาก N95
1การรับรองมาตรฐาน
ไม่รู้ว่าจะมีใครเคยสังเกตหน้ากากหรือไม่ ว่าหน้ากากบ้างอันนั้นถูกเขียนว่า N95 บางอันก็เขียนว่า P2 หรือ FFP2 รหัสเหล่านี้เป็นสัญลักษณ์ของการรับรองของประเทศต่างๆ หากอยากรู้ว่าจะมีความหมายอย่างตามมาอ่านได้เลย
N95 : คือ การรับรองในสหรัฐอเมริกา โดยเป็นการรับรองว่าหน้ากากนี้มีประสิทธิภาพมากถึง 95% ในการกรองฝุ่น (หากมีตัวเลขมากขึ้นเป็น N99 ก็จะหมายถึง หน้ากากที่มีประสิทธิภาพ 99%)
FFP2 : คือ การรับรองจากยุโรป โดยรับรองว่าหน้ากากนี้มีประสิทธิภาพการกรอง 94% (ถ้าเป็น FFP3 หมายถึงประสิทธิภาพการกรอง 99%)
P2 : นี่คือการรับรองจากออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ โดยการรับรองว่ามาสก์นี้มีประสิทธิภาพการกรอง 94% (ถ้า P3 เป็นวิธีการกรอง 99%)
2.มีฟองน้ำรองด้านในและอลูมิเนียมบริเวณดั้งจมูก
ขอให้สังเกตว่าหน้ากากส่วนใหญ่มีแถบอลูมิเนียมขนาดเล็ก ช่วงบริเวณดั้งจมูกซึ่งเมื่อสวมใส่เราต้องกดอลูมิเนียมเพื่อแนบกับจมูก เพื่อป้องกันการรั่วไหลของอากาศ แต่ไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับการบาดเจ็บเพราะส่วนใหญ่มีแผ่นฟองน้ำนุ่มรองด้านล่างเพื่อป้องกันการระคายเคือง
3.ตรวจสอบว่าหน้ากากตรงตามมาตรฐานหรือไม่
แม้ว่าเราจะมีชีวิตอยู่หรือไม่ในสภาพอากาศเลวร้าย แต่เราต้องมีความรู้ในการซื้อหน้ากากและคุณภาพที่เหมาะสมกับราคา เพราะในช่วงที่ผ่านมามีหน้ากาก N95 ปลอมถูกผลิตขึ้น ซึ่งแน่นอนว่าประสิทธิภาพในการป้องกันฝุ่นไม่แตกต่างกันมาก เนื่องจากอาจเป็นเพียงการผลิตจากโรงงานอื่น หรือโรงงานที่ผลิตสินค้าให้กับแบรนด์ต่างๆนำสินค้าไปจำหน่ายโดยตรงเท่านั้น