ถึงแม้ว่าจะเป็นโรคที่หลายนนั้นไม่ค่อยจะคุ้นเคยมานัก แต่ โรคปลอกประสาทอักเสบ (Multiple Sclerosis) ก็ถือว่าเป็นภัยเงียบของ คนวัยทำงานอย่างมาก เนื่องจากยังเป็นโรคที่ยังสาเหตุที่แท้จริงของการเกิดโรคนี้ไม่ได้ และที่สำคัญคือโรคนี้ต้องพึ่งพาการวินิจฉัยจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ สิ่งที่น่าตกใจไปยิ่งกว่านั้นก็คือผู้คนจำนวนมากไม่ทราบว่าตนเองป่วยเป็นโรคนี้ และในปัจจุบันมีสถิตอผู้ป่วยโรค MS เพิ่มขึ้นมากกว่า 2.5 ล้านคนทั่วโลก ดังนั้นการเรียนรู้เพิ่มเติมเพียงเล็กน้อยเกี่ยวกับโรคนี้คุณนั้นก็จะสามารถช่วยให้ดูแลตัวเองได้ทันเวลา
สารบัญเนื้อหา
โรคปลอกประสาทอักเสบ เกิดจาก
โรคนี้นั้นเกิดจากการอักเสบของปลอกประสาท ในโซนของระบบประสาทส่วนกลาง ไล่ตั้งแต่ สมอง ไขสันหลังและเส้นประสาทตา เนื่องจากเซลล์เม็ดเลือดขาวดืทำการหลั่งสารออกมาทำลายปลอกหุ้มเส้นประสาท กรณีนี้นั้นจะทำให้ระบบประสาทเสียหาย จนเกิดการอักเสบตามมาในที่สุด และที่สำคัญนั้นมันจะกลายเป็นแผลในสมอง ส่วนมากที่พบนั้นจะอยู่ในช่วงวัยตั้งแต่ 18 – 45 ปีรวมถึงในเด็กที่มีอายุไม่ถึง 2 ปี ฃที่น่าตกใจไปมากกว่านั้นก็คือโรคนี้นั้นมักพบในผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย แต่เมื่อผู้ชายได้เป็นโรคปลอกประสาทอักเสบกัยกลายเป็นว่ามีอาการรุนแรงกว่าผู้หญิง
ปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิด โรค ปลอกประสาทอักเสบ
ถึงแม้ว่าจะยังไม่สามารถหาสาเหตุการเกิดโรค MS .ที่แน่ชัดในปัจุบันนี้ได้ แต่มันก็เป็นโรคที่อยู่ใกล้เราแค่เอื้อมเท่านั้น ยิ่งเป็นโรคที่ยังหาสาเหตุการเกิดโรคไม่ได้ เราก็ต้องระวังตัวมากขึ้นเท่านั้น และปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดโรคคือ
1) พันธุกรรม ถึงมันจะไม่ใช่โรคทางพันธุกรรมโดยตรง แต่กลับกันหากภายในครอบครัวที่มีประวัติการเจ็บป่วยของโรคนี้อยู่ ก็ถือว่าตกอยู่ในกลุ่มผู้ที่มีความเสียงเช่นเดียวกัน
2) เชื้อไวรัส เชื้อไวรัสบางชนิดที่เราได้รับมาโดยที่ไม่ต้องการ อย่างเชื่อ เอ็บสไตบาร์ หรือเรียกอีกชื่อว่า เชื้อ Epstein-Bar Virus: EBV (อีบีวี) มันคือเชื่อที่ส่งผลต่อภูมิคุ้มกันภายในร่างกายของ) เรา มีหน้าที่เข้าไปทำให้เกิดอาการต่อมน้ำเหลืองโตผิดปกติ คุณก็สามารถที่จะตกเป็นกลุ่มผู้ที่มีความเสียงเช่นเดียวกัน
3) โรคภูมิคุ้มกันทำลายตนเอง ยกตัวอย่างเช่น โรคลำไส้อักเสบ โรคไทรอยด์ และโรคเบาหวาน
4) ร่างกายขาดวิตามิน D หากไม่อยากตกอยู่ในกลุ่มผู้เสี่ยงก็อย่าลืมทานวิตามิน D ที่ได้มาจากเหล่าปลาที่มีไขมันสูง หากว่าใครที่ไม่ชอบทานปลาก็สามารถที่จะเลี่ยงมารับประทานน้ำมันตับปลาแบบเม็ดแทนก็ได้ นอกจากนี้แล้ว ก็ยังสามารถพบวิตามิน D ได้ในตับวัว ไข่แดง เนยบางชนิด เห็ด อาหารหรือแม้แต่เครื่องดื่ม อย่างนมวัว และนมถั่วเหลือง
อาการผู้ป่วยเป็น โรคปลอกประสาทอักเสบ
ในแต่ละคนอาการของโรคจะไม่สม่ำเสมอมีความหนักเบาไม่เท่ากัน แถมยังมีอาการต่างๆ มากมายที่แตกต่างออกไป ผู้ป่วยบางรายแสดงอาการออกมาน้อยมาก กลับกันบางรายนั้นอาจมาพบพทย์ด้วยวอาการที่รุนแรงจนไม่สามารถใช้ชีวิตประจำวันได้อย่างปกติ รุนแรงมากจนสามารถถทำให้พิการก็เคยมีมาแล้ว เพราะฉะนั้นเราลองสังเกตุอาการที่มักจะพบบ่อยในกล่มที่เป็นโรค MS ดีกว่า
1) การมองเห็น ส่วนมากนั้นจะเริ่มจากการมองเห็นภาพซ้อนตา ดวกตามีอาการเจ็บ ที่สำคัญเลยก็คือส่วนใหญ่มักเป็นเพียงข้างเดียว
2) การทรงตัว การสูญเสียความสมดุลของการทรงตัว รู้สึกอ่อนแรง ขากระตุก ล้มง่าย ที่มือนั้นมีอาการส่น ส่วนต่างๆที่ร่างกายนั้นใช่เคลื่อนไหวดูผิดปกติไม่สอดคล้องกัน
3) ด้านสมอง มีปัญหาในเรื่องขอการตัดสินใจ ความคิด เรื่องการจำ มีการสื่อสารของมูลที่ช้าผิดปกติ บางรายนั้นจะมีอาการอารมณ์แปรปรวน และสามารถซึมเศร้าได้
4) ด้านการพูด คำพูดที่ไม่ต่อเนื่อง ไม่ชัด รวมถึงการเคี้ยวละกลืนลำบากกว่าปกติ
5) ระบบปัสสาวะ ทำให้ระบบทางเดินปัสสาวะผิดปกติ มีอาการปัสสาวะบ่อย กลั้นปัสสาวะไม่ได้ และมีอากรท้องผูกควบคู่กันอยู่บ่อยครั้ง
6) เหนื่อยล้าง่าย เริ่มที่จะเป็นโรคเหน็บชาบริเวณแขนขา จนไปถึงบริเวณส่วนของใบหน้า เมื่อขยับคอจะรู้สึกเหมือนถูกไฟฟ้าดูด
วิธีการรักษา โรคปลอกประสาทอักเสบ
ถึงแม้ว่าในตอนนี้น้นยังจะไม่สามารถรักษาโรคนี้ได้อย่างหายขาด แต่ที่ทางแพทย์แนะนำจะเป็นการรักษาในแบบการรักษาเพื่อฟื้นฟูร่างกายและเป็นการควบคุมอาการไม่ให้แย่ลงไปกว่าเดิม ซึ่งถูกแบ่งออกเป็น 2 วิธี
1) รักษาด้วยยา ตามสภาพของผู้ป่วย จะถูกจ่ายยาที่ช่วยบรรเทาอาการอักเสบ เป็นตัวยาที่ช่วยผ่อนคลายกล้ามเนื้อ หรือแม้แต่ยาแก้ปวด ฯลฯ
2) การบำบัด โดยจะเป็นการออกกำลังกายเพื่อเสริมสร้างกล้ามเนื้อ เป็นการลดการสั่น และไปเน้นในการเพิ่มประสิทธิภาพในด้านสมดุลของร่างกาย โดยเริ่มจากการออกกำลังกายแบบเบาๆ ที่แนะนำเลยก็คือ โยคะ เนื่องจากไม่ใช่การออกกำลังกายที่หนักมากเกิดกว่าที่ร่างกายนั้นจะรับไม่ไหว รวมถึงโยคะยังสามารถช่วยยืดเส้นได้ดีมากอีกด้วย
เคล็บลับ การดูแลสุขภาพ
1) ลด และหยุดดื่มแอลกอฮอล์ บุหรี่
2) เลือกที่จ่ะรับประทานอาหารที่ดีต่อร่างกาย
3) ออกกำลังกายสม่ำเสมอ เือ่ให้ร่างกายสมดุล หรือตามที่แพทย์แนะนำ
4) นอนหลับให้เพียงพอ
5) ไม่เครียด พยายามทำให้จิตใจสดใสอยู่เสมอ