ในโลกยุคปัจจุบันที่เทคโนโลยีมีส่วนเกี่ยวข้องกับการใช้ชีวิตของคนเราเป็นอย่างมาก การใช้คอมพิวเตอร์ถือเป็นเรื่องปกติในชีวิตประจำวันของใครหลายๆ คน วันหนึ่งอาจมีการใช้งานเพื่อการทำงาน หรือเพื่อการพักผ่อนหย่อนใจเป็นเวลานานติดต่อกันหลายชั่วโมง ด้วยเหตุนี้เองจึงอาจทำให้เกิดอาการตาแห้งได้
การใช้สายตาจดจ่อกับสิ่งใดสิ่งหนึ่งเป็นเวลานาน จะทำให้คนเรากะพริบตาน้อยลงกว่าปกติมาก โดยเฉพาะผู้ที่ต้องทำงานกับคอมพิวเตอร์ หลายคนอาจต้องอยู่กับหน้าจอคอมในแต่ละวันมากถึง 8 ชั่วโมง ซึ่งจะผลเสียต่อสายตาเป็นอย่างมาก ซึ่งปกติแล้วคนเราจะกะพริบตาประมาณ 15-20 ครั้งต่อนาที ซึ่งการกะพริบตาจะช่วยให้ดวงตาของคนเรามีความชุ่มชื้นอยู่เสมอจากต่อมน้ำตา ช่วยลดอาการปวดเกร็งของดวงตา ทำให้ดวงตาไม่เหนื่อยล้าจนเกินไป
เมื่อคนเราจดจ้องอยู่ที่หน้าจอคอมพิวเตอร์นานๆ จะทำให้เรากะพริบตาน้อยลงมากถึง 60% เมื่อเทียบกับปกติ โดยจะเหลืออัตราการกะพริบตาเพียงแค่ 6-8 ครั้งต่อนาที ด้วยเหตุนี้เองจึงทำให้ดวงตาของเราเกิดอาการเมื่อยล้าขึ้น และขาดน้ำไปหล่อเลี้ยงความชุ่มชื้นจนเกิดอาการตาแห้งขึ้นได้ สำหรับผู้ที่มีความจำเป็นต้องใช้คอมพิวเตอร์ในแต่ละวันเป็นระยะเวลาติดต่อกันนานหลายชั่วโมง ควรหยุดจ้องหน้าจอคอมพิวเตอร์เพื่อพักสายตาทุก 30 นาที หรือพักทุก 1 ชั่วโมง โดยเปลี่ยนไปมองสิ่งที่อยู่ระยะไกลขึ้นเป็นระยะเวลาสั้นๆ พักสายตาเป็นเวลา 5 นาที แล้วค่อยกลับไปใช้คอมพิวเตอร์ต่อ หรือถ้าหากไม่สะดวกที่จะพักสายตาด้วยวิธีนี้ ในช่วงระหว่างที่ใช้คอมพิวเตอร์ควรหมั่นกะพริบตาให้บ่อยขึ้น เพื่อให้มีน้ำหล่อเลี้ยงดวงตา เพื่อให้ตามีความชุ่มชื้นอยู่เสมอ
การใช้สายตาจะเพื่อจดจ่อกับสิ่งต่างๆ อาจจะเป็นการกระทำที่หลีกเลี่ยงไม่ได้จากการทำงาน หรือการทำสิ่งต่างๆ ที่ต้องใช้สมาธิ ล้วนแต่ส่งผลเสียต่อดวงตาได้ทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นการอ่านหนังสือ การใช้คอมพิวเตอร์ แท็บเล็ต หรือแม้แต่สมาร์ทโฟนก็ตาม ซึ่งสามารถส่งผลต่อการมองเห็นของเราได้ แต่ถ้าเราใช้สายตาอย่างระมัดระวัง คอยหมั่นตรวจเช็คสภาพสายตา คอยดูแล และพักผ่อนสายตาให้พอเหมาะพอดีอยู่เสมอ เราก็จะสามารถดูแลรักษาดวงตาให้มีสุขภาพดีได้ โดยไม่ต้องกังวลใจกับเรื่องเกี่ยวกับดวงตาเลย