หลายครั้งคนเราเลือกที่จะพักผ่อนในอิริยาบถที่ทำให้ตนเองรู้สึกผ่อนคลาย และสบายใจ โดยที่ไม่ทันได้คิดเลยว่าแค่นั่งเฉยๆ เป็นระยะเวลานานๆ น่าจะช่วยให้ร่างกายรู้สึกดีขึ้น แต่ผลกลับกลายเป็นตรงกันข้าม คือ เกิดอาการผิดปกติแปลกๆ ตามร่างกายในส่วนที่ไม่ค่อยได้เคลื่อนไหว มีอาการชาๆ แต่พอจะขยับตัวทีก็รู้สึกปวดจี๊ดขึ้นมาทันที ต้องใช้เวลาสักพักหนึ่งกว่าจะหาย เราเรียกกันอาการเหล่านี้ว่า อาการเหน็บชา
อาการเหน็บชา เกิดจากอะไร?
การเกิดอาการเหน็บชา หรือที่หลายคนเรียกกันว่า อาการเหน็บกิน เกิดขึ้นได้จากการที่คนเราอยู่ในท่าใดท่าหนึ่งเป็นระยะเวลานาน ไม่ว่าจะเป็นการนั่ง หรือการนอนก็ตาม และท่านั่งหรือนอนของเรามีการกดทับส่วนใดส่วนหนึ่งของร่างกายนานเกินไป จนทำให้เลือดไม่สามารถไปเลี้ยงที่ส่วนปลายของอวัยวะนั้นๆ ได้ หรือมีเลือดไปเลี้ยงอวัยวะนั้นได้น้อยลง ทำให้ไม่สามารถนำออกซิเจนและน้ำตาลไปยังเนื้อเยื่อเส้นประสาท และไม่อาจส่งสัญญาณไปยังสมองได้ ทำให้เกิดการอาการเหน็บชา เมื่อคนเราพยายามขยับตัว อวัยวะต่างๆ ที่มีเลือดมาหล่อเลี้ยงไม่เพียงพอจะกลับมามีการไหลเวียนของเลือดอีกครั้ง และหลังจากการส่งสัญญาณของเส้นประสาทเกิดปัญหาขึ้น เส้นประสาทจะดำเนินการเชื่อมโยงส่งสัญญาณประสาทต่อจากเดิม เป็นเหตุผลว่าทำไมเราถึงเกิดความรู้สึกเจ็บจี๊ดขึ้นมานั่นเอง
วิธีแก้อาการเหน็บชา
เมื่อมีอาการเหน็บชาเกิดขึ้น หลายคนคงรู้สึกไม่อยากจะขยับตัวให้มากจนเกินไป เพราะว่าทุกครั้งที่ขยับ ร่างกายก็จะเกิดความรู้สึกปวดแปล๊บขึ้นมาทันที เลยอาจคิดว่าถ้าไม่ขยับตัวเลยจะดีกว่า แต่ความจริงแล้วเหน็บชาสามารถแก้ให้หายในเวลารวดเร็วได้ด้วยวิธีง่ายๆ โดยการบีบนวดเบาๆ บริเวณที่มีอาการเหน็บชา หากรู้สึกชามากๆ และไม่มีอาการเจ็บ ให้บีบนวดแรงขึ้น วิธีนี้จะช่วยให้คุณหายจากอาการเหน็บชาได้อย่างรวดเร็ว
สำหรับผู้ที่มีอาการเหน็บชาอยู่บ่อยๆ อาจเกิดจากการที่ร่างกายได้รับสารอาหารที่มีประโยชน์ไม่เพียงพอ โดยร่างกายอาจมีการขาดแคลเซียม หรือขาดวิตามินที่สำคัญต่อร่างกาย คือ ขาดวิตามินบี 1 จึงทำให้ง่ายต่อการเกิดอาการเหน็บชา และบางรายอาจมีอาการอ่อนแรงร่วมด้วย นอกจากนี้ อาการเหน็บชาเป็นสัญญาณของโรคต่างๆ ได้ ไม่ว่าจะเป็นโรคเบาหวาน โรคไต โรคพิษสุราเรื้อรัง และโรคที่เกี่ยวกับการกดทับเส้นประสาท เป็นต้น ดังนั้นจึงควรหมั่นสังเกตของตนเองอยู่เสมอว่ามีอาการเหน็บชาบ่อยจนผิดปกติหรือไม่ หากเหน็บชาบ่อยๆ ควรรีบไปพบแพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุเพื่อทำการรักษาต่อไป