หน้ากากอนามัยเป็นวิธีหนึ่งที่ช่วยป้องกันเราจากปัญหามลภาวะทางอากาศ ช่วยป้องกันโรคติดต่อ รวมถึงโคโรน่าไวรัส 2019 (COVID-19) ซึ่งสามารถติดต่อกันได้จากการรับเชื้อผ่านทางการหายใจ จากข้อมูลของกรรมการสุขภาพแห่งชาติจีน (NHC) ไวรัสชนิดนี้เป็นไวรัสที่มีแพร่กระจายผ่านทางละอองฝอย (droplet) และการสัมผัส (contact) เป็นหลัก
ละอองฝอย (droplet) คือ ละอองน้ำขนาดใหญ่ที่เกิดจากการไอ และการจาม ซึ่งสามารถฟุ้งกระจายได้ 1-2 เมตร มีขนาดตั้งแต่ 5 ไมครอนขึ้นไป หากหายใจรับเอาละอองฝอยที่มีเชื้อโรคนี้เข้าสู่ร่างกายก็สามารถติดเชื้อได้ ทั้งนี้การแพร่กระจายของโคโรน่าไวรัสไม่ใช่การติดต่อผ่านอากาศ (airborne) ซึ่งเป็นละอองน้ำขนาดเล็ก ดังนั้นหน้ากากอนามัยที่สามารถกรองอนุภาคตั้งแต่ 5 ไมครอนขึ้นไป จึงสามารถช่วยยับยั้งการแพร่กระจาย และช่วยป้องกันการติดต่อของโรคได้
สารบัญเนื้อหา
ประเภทของหน้ากากอนามัย
หน้ากากผ้า (Cloth Mask)
ความสามารถในการกรองอนุภาค : 3 ไมครอน
(อาจกรองอนุภาคที่เล็กกว่านี้ได้ ขึ้นอยู่กับชนิดของผ้า)
หน้ากากที่ผลิตจากผ้ามีคุณสมบัติในการช่วยป้องกันเชื้อโรคและฝุ่นละอองที่มีขนาดใหญ่ สามารถกรองอนุภาคที่มีขนาดตั้งแต่ 3 ไมครอนขึ้นไป ช่วยลดการปนเปื้อนของละอองฝอยจากการไอและจามได้ สามารถซักแล้วนำกลับมาใช้ซ้ำได้อีก แต่ไม่มีสารเคลือบกันน้ำและแผ่นกรองเชื้อโรค จึงไม่สามารถป้องกันการซึมผ่านของของเหลวได้ ทั้งนี้ข้อมูลจากงานวิจัยหลายแห่งยังมีความขัดแย้งกันว่าหน้ากากผ้าสามารถช่วยป้องกันไวรัสได้หรือไม่ จึงยังไม่มีข้อสรุปที่ชัดเจนในเรื่องนี้
ด้านอธิบดีกรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข พญ.พรรณพิมล วิปุลากร ได้ระบุว่า สำหรับประชาชนทั่วไปที่ไม่ได้มีอาการป่วย การสวมหน้ากากผ้าก็เพียงพอที่จะช่วยป้องกันตนเองจากโรคได้ในระดับหนึ่งแล้ว ทางรองอธิบดีกรมอนามัย นพ.บัญชา ค้าของ ก็ได้กล่าวว่า “หน้ากากผ้า อย่างผ้าฝ้าย ผ้าใยสังเคราะห์ ผ้าสาลู กลุ่มนี้สามารถนำมาผลิตเป็นหน้ากากผ้าได้ ยิ่งซักยิ่งเล็ก เพราะใยจะออกมาเหลือประมาณ 1 ไมครอน โดยไวรัสโควิด-19 ขนาดอยู่ที่ 5 ไมครอน ซึ่งไม่ 100 เปอร์เซ็นต์ แต่ได้ถึง 54-59% ถือว่าเพียงพอสำหรับคนทั่วไปที่ใช้ในพื้นที่แออัด โดยเรานำมาใช้และซักใหม่ได้”
ข้อดีและข้อเสียของหน้ากากผ้า
- ราคาถูก
- สามารถซักแล้วนำกลับมาใช้ใหม่ได้
- ช่วยลดความเสี่ยงจากโรคติดต่อและโคโรน่าไวรัสได้
- ไม่มีสารเคลือบกันน้ำและแผ่นกรองเชื้อโรค ทำให้ป้องกันโรคได้ไม่ดีเท่าหน้ากากแบบอื่นๆ
หน้ากากอนามัยทางการแพทย์ (Surgical Mask)
ความสามารถในการกรองอนุภาค : 3 ไมครอน
หน้ากากอนามัยเยื่อกระดาษ หรือหน้ากากอนามัยทางการแพทย์ เป็นหน้ากากที่ทำขึ้นด้วยใยสังเคราะห์ (non-woven fabric) มีขายอยู่ทั่วไปและได้รับความนิยมมาก หน้ากากอนามัยชนิดนี้มีชั้นกรอง 3 ชั้น ด้านหนึ่งของหน้ากากมักจะมีสีสันเช่น สีเขียว และสีฟ้า ซึ่งจะเคลือบด้วยสารกันน้ำไว้ สามารถป้องกันของเหลวซึมผ่านได้ จึงควรหันหน้ากากด้านนี้ออกด้านนอกเสมอ ส่วนอีกด้านหนึ่งมักมีสีขาว ซึ่งมักจะเป็นด้านที่นุ่มและสามารถซึมซัมละอองฝอยจากปากของเราได้ดี จึงควรหันด้านนี้เข้าสู่ใบหน้า
มีคุณสมบัติในการป้องกันมลพิษ เชื้อโรค โดยเฉพาะโรคทางเดินหายใจได้เป็นอย่างดี ช่วยปกป้องไม่ให้ละอองฝอยที่เกิดจากการไอและการจามของผู้อื่นผ่านเข้าสู่ร่างกายเราทางจมูกและปาก และป้องกันไม่ให้ละอองฝอยจากปากของเราแพร่กระจายไปยังรอบข้าง หน้ากากประเภทนี้ไม่สามารถนำไปซักได้ เพราะเมื่อถูกซัก เส้นใยของหน้ากากอนามัยจะสูญเสียคุณสมบัติในการป้องกันเชื้อโรคทันที การนำไปซักแล้วนำกลับมาใช้ใหม่จึงเป็นเรื่องที่ไม่ควรทำ
ข้อดีและข้อเสียของหน้ากากอนามัยเยื่อกระดาษ
- ราคาถูก
- มีสารเคลือบกันน้ำและแผ่นกรองเชื้อโรค
- ช่วยลดความเสี่ยงจากโรคติดต่อและโคโรน่าไวรัสได้
- สามารถใช้ได้เพียงครั้งเดียวเท่านั้น ไม่ควรใช้ซ้ำ และไม่สามารถซักแล้วนำกลับมาใช้อีก
หน้ากากคาร์บอน (Carbon Mask)
ความสามารถในการกรองอนุภาค : 3 ไมครอน
หน้ากากคาร์บอนเป็นหน้ากากอนามัยที่มีชั้นกรองคาร์บอน มีคุณสมบัติเช่นเดียวกับหน้ากากอนามัยเยื่อกระดาษ สามารถการป้องกันเชื้อโรคได้เป็นอย่างดี และมีคุณสมบัติเพิ่มเติมคือสามารถช่วยในการกรองกลิ่นที่ไม่พึงประสงค์ ฝุ่นควัน และมลพิษในอากาศได้ดี หน้ากากคาร์บอนเหมาะกับการใช้ป้องกันกลิ่น แต่ก็สามารถใช้แทนหน้ากากอนามัยเยื่อกระดาษในการป้องกันโรคได้เช่นกัน
ข้อดีและข้อเสียของหน้ากากคาร์บอน
- ราคาสูงกว่าหน้ากากทั่วไปเล็กน้อย
- ช่วยกรองมลพิษ และกลิ่นที่ไม่พึงประสงค์ได้
- ช่วยลดความเสี่ยงจากโรคติดต่อและโคโรน่าไวรัสได้ดี
- สามารถใช้ได้เพียงครั้งเดียวเท่านั้น ไม่ควรใช้ซ้ำ และไม่สามารถซักแล้วนำกลับมาใช้อีก
หน้ากาก N95 (N95 Mask)
ความสามารถในการกรองอนุภาค : 0.3 ไมครอน
หน้ากาก N95 เป็นหน้ากาก ที่มีประสิทธิภาพในการกรองฝุ่นและเชื้อโรคได้ดีมาก มีราคาสูง สามารถสามารถกรองอนุภาคที่มีขนาด 0.3 ไมครอนขึ้นไป เหมาะสำหรับการป้องกันฝุ่นที่มีขนาดเล็กเช่น PM2.5 และเหมาะกับบุคลากรทางการแพทย์ในการทำหัตถการ ซึ่งจะช่วยป้องกันการติดเชื้อจากละอองฝอยและเชื้อที่ลอยฟุ้งในอากาศ เนื่องจากเป็นหน้ากากที่มีคุณสมบัติในการป้องกันเชื้อโรคสูง เมื่อใส่แล้วจึงอาจทำให้รู้สึกอึดอัดและหายใจลำบาก หน้ากากประเภทนี้จึงมีทั้งแบบปกติกับแบบที่มีวาล์วระบายอากาศ ผู้ใช้จึงสามารถเลือกให้เหมาะกับความต้องการได้
ข้อดีและข้อเสียของหน้ากาก N95
- ราคาสูง
- เมื่อใส่แล้วจะทำให้รู้สึกอึดอัดและหายใจลำบาก
- ช่วยลดความเสี่ยงจากโรคติดต่อและโคโรน่าไวรัสได้ดีมาก
- หากไม่สกปรกมากสามารถใช้ซ้ำได้ แต่ไม่ควรใช้ซ้ำบ่อยครั้ง และไม่สามารถซักแล้วนำกลับมาใช้อีก
ควรใส่หน้ากากอนามัยหรือไม่
ในสถานการณ์ปัจจุบันที่มีการแพร่ระบาดอย่างหนักของโคโรน่าไวรัส 2019 (COVID-19) การใส่หน้ากากอนามัยเป็นสิ่งที่สำคัญและจำเป็นมากในการที่จะช่วยยับยั้งการแพร่กระจายของเชื้อโรค เนื่องจากระยะเวลาฟักตัวของโรคที่ยาวนาน 2-14 วัน ในช่วงที่ไม่มีการแสดงอาการจึงยากจะทราบได้ว่าตัวเราเองหรือคนรอบข้างจะป่วยเป็นโรคนี้แล้วหรือไม่ หากได้รับเชื้อมาแล้วมีการไอหรือการจามแม้แต่เพียงครั้งเดียว เชื้อโรคก็สามารถแพร่กระจายไปในอากาศได้ทันที และอาจติดตามเสื้อผ้า วัตถุต่างๆ มีชีวิตต่อไปอย่างยาวนานหลายชั่วโมง
การใส่หน้ากากอนามัยจะช่วยยับยั้งไม่ให้การแพร่กระจายของโรคนี้เกิดขึ้น ช่วยไม่ให้เกิดการติดต่อไปยังคนรอบข้าง ทั้งครอบครัว คนรัก เพื่อน รวมถึงคนรอบข้างในสังคม อีกทั้งยังช่วยปกป้องเราจากการสูดเอาละอองฝอยที่มีเชื้อโรคเข้าสู่ร่างกายได้อีกด้วย
ใช้แค่หน้ากากผ้าได้ไหม
หน้ากากผ้าเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับการป้องกันตัวเอง โดยเฉพาะผู้ที่ไม่ได้ป่วยหรือมีอาการไอและจาม ถึงแม้ว่าหน้ากากผ้าจะไม่มีการเคลือบสารกันน้ำหรือแผ่นกรองเชื้อโรคใดๆ แต่เนื่องจากโคโรน่าไวรัสเป็นไวรัสที่แพร่กระจายผ่านทางละอองฝอยซึ่งเป็นละอองน้ำขนาดใหญ่ หน้ากากผ้าจึงมีคุณสมบัติมากเพียงพอที่จะยับยั้งไม่ให้ละอองฝอยของเชื้อไวรัสเข้าสู่จมูกและปากของเราได้ การใส่หน้ากากผ้าควรจะเปลี่ยนทุกวันหรือเปลี่ยนทันทีเมื่อมีความชื้น ทั้งนี้ควรเลือกหน้ากากที่มีเนื้อผ้าแน่นละเอียดและไม่บางจนเกินไป เพื่อผลดีในการป้องกันตัวเอง แต่หากเป็นผู้ที่กำลังป่วยซึ่งมีอาการไอและจามแล้วล่ะก็ การใช้หน้ากากอนามัยทางการแพทย์จะเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมกว่า
หน้ากากแบบไหนป้องกันโคโรน่าไวรัส 2019 ได้บ้าง
หน้ากากอนามัยทุกแบบที่กล่าวมา ทั้งหน้ากากผ้า หน้ากากเยื่อกระดาษ หน้ากากคาร์บอน และหน้ากาก N95 สามารถกรองอนุภาคตั้งแต่ 3 ไมครอนขึ้นไป จึงสามารถช่วยลดความเสี่ยงจากการติดเชื้อโคโรน่าไวรัส 2019 ที่มีขนาดมากกว่า 5 ไมครอนได้ แต่ก็เป็นเพียงวิธีหนึ่งที่พอจะช่วยป้องกันและยับยั้งการแพร่กระจายของโรคเท่านั้น ไม่สามารถป้องกันการติดต่อของโรคได้อย่างสมบูรณ์ จำเป็นต้องทำควบคู่ไปพร้อมกับการล้างมืออย่างสม่ำเสมอด้วยวิธีล้างมือที่ถูกต้อง และดูแลตัวเองด้วยวิธีป้องกันการติดโรคเพียงเท่านี้ก็ช่วยให้ปลอดภัย ห่างไกลจากโรคแล้ว