ร่างกายของคนเราทุกคนล้วนแต่มีน้ำเป็นส่วนประกอบสำคัญของร่างกาย ในแต่ละวันเรามีการสูญเสียน้ำจากการหลั่งเหงื่อและการปัสสาวะ เมื่อสูญเสียน้ำไปก็จำเป็นจะต้องทดแทนด้วยการดื่มน้ำให้เพียงพอต่อความต้องการในแต่ละวัน สำหรับคนปกติทั่วไปดื่มน้ำ 8-10 แก้ว เพียงเท่านี้ก็มากพอที่จะทำให้ร่างกายมีสุขภาพดีได้แล้ว แต่ในบางคนที่มีการสูญเสียน้ำมากเกินไป อาจเพราะกำลังเป็นโรคเบาจืดอยู่ก็เป็นได้
มารู้จักกับโรคเบาจืด
โรคเบาจืด (Diabetes Insipidus) เป็นชื่อโรคไม่ที่ค่อยคุ้นหูของใครหลายคนเท่าไรนัก ไม่เหมือนกับโรคเบาหวานที่ไม่ว่าใครก็ต้องเคยรู้จักและเคยได้ยินชื่อกันสักครั้งในชีวิต แต่อาการเบาจืดนั้นแตกต่างจากเบาหวาน และไม่ได้เกี่ยวข้องกับการกินจืดหรือกินหวานเลย โรคเบาจืดคือโรคที่มีภาวะสูญเสียสมดุลของน้ำในร่างกาย ซึ่งเกิดจากการทำงานผิดปกติของร่างกาย อาจเกิดจากความผิดปกติในส่วนของสมอง ไต กลไกการควบคุมการกระหายน้ำ หรืออาจเกิดขึ้นในระหว่างตั้งครรภ์ โรคเบาจืดไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้
อาการเป็นยังไงบ้าง
ผู้ที่เป็นเบาจืด อาการของผู้ป่วยจะรู้สึกปวดบริเวณเอวและท้องน้อย เนื่องจากมีปัสสาวะมาคั่งอยู่มากบริเวณกระเพาะปัสสาวะ ทำให้มีการปัสสาวะบ่อยๆ และมักจะปัสสาวะครั้งละมากๆ ปัสสาวะมักจะไม่มีสี ไม่มีกลิ่น ร่างกายจะรู้สึกอ่อนเพลียเพราะสูญเสียน้ำและเกลือแร่เป็นจำนวนมาก เมื่อนอนหลับก็มักจะตื่นขึ้นมาเพื่อปัสสาวะอยู่บ่อยครั้งจนนอนหลับพักผ่อนไม่เพียงพอ หรืออาจปัสสาวะขณะนอนหลับ ร่างกายมีภาวะขาดน้ำ ส่งผลให้ผิวแห้ง อ่อนแรง รู้สึกกระหายน้ำอยู่ตลอดเวลา อาจมีภาวะความดันโลหิตต่ำ หัวใจเต้นเร็ว ผู้ป่วยโรคเบาจืดที่มีอาการขาดน้ำอย่างรุนแรงอาจเกิดอาการช็อกและหมดสติได้
ส่วนใหญ่ผู้ป่วยด้วยโรคเบาจืดมักจะมีอาการไม่รุนแรงมากนัก แต่อาการต่างๆ ของโรคอาจส่งผลต่อการดำเนินชีวิตประจำวันได้เป็นอย่างมาก ผู้ที่สงสัยว่าตนเองมีอาการเข้าข่ายของโรคเบาจืด ควรพบแพทย์เพื่อตรวจดูอาการเพื่อให้ได้รับการรักษาที่ถูกต้องต่อไป ในกรณีของผู้ที่เป็นโรคเบาจืดจำเป็นต้องได้รับการรักษาจากแพทย์โดยตรง ทุกวันจะต้องดื่มน้ำให้มากเพียงพอกับที่ร่างกายได้สูญเสียไปในแต่ละวัน และควรกินยาให้ครบตรงตามคำสั่งของแพทย์