โรควัณโรค (Tuberculosis) หรือ ทีบี (TB) เป็นโรคติดต่อทางเดินหายใจที่เกิดจากเชื้อแบคทีเรีย สามารถทำให้เกิดโรคได้ในอวัยวะทุกส่วนของทั่วร่างกาย ตั้งแต่ผิวหนังภายนอกไปจนถึงระบบประสาทและสมอง ส่วนมากมักพบที่ปอด วัณโรคเป็นโรคติดต่อที่สำคัญซึ่งปัจจุบันยังเป็นปัญหาด้านสาธารณสุขในหลายประเทศทั่วโลก
สาเหตุของโรควัณโรค
วัณโรค เป็นโรคที่เกิดจากเชื้อแบคทีเรียที่ชื่อว่า ไมโคแบคทีเรียม (Mycobacterium) หลายชนิด ชนิดที่พบมากในประเทศไทยคือ ไมโคแบคทีเรียม ทูเบอร์คูโลซิส (Mycobacterium tuberculosis) และไมโครแบคทีเรียม โบวิส (Mycobacterium bovis) เชื้อทั้งสองชนิดนี้เป็นสปีชีส์หลักของ Mycobacterium tuberculosis complex
การแพร่เชื้อ
โรควัณโรคสามารถติดต่อได้ผ่านระบบทางเดินหายใจ แพร่ผ่านทางละอองฝอย (Airbone) จากการพูดคุย หัวเราะ ไอ จาม รวมถึงจากเสมหะของผู้ป่วย ผู้ที่เกี่ยวข้องใกล้ชิดกับผู้ป่วยหากหายใจรับเชื้อเข้าสู่ร่างกายได้โดยที่ไม่รู้ตัวก็อาจเป็นวัณโรคได้ สำหรับผู้ที่ได้รับเชื้อวัณโรค 10% มีโอกาสที่จะป่วยเป็นวัณโรค ส่วนอีก 90% จะมีภูมิคุ้มกันดีพอที่จะไม่ป่วยด้วยโรคนี้ ซึ่งจะถือเป็นวัณโรคระยะแฝง ไม่มีการแสดงอาการใดๆ
สำหรับผู้ที่มีภูมิต้านทานต่ำ เช่น เด็ก ผู้สูงอายุ และผู้ที่มีโรคประจำตัว หากได้รับเชื้อวัณโรคจะมีโอกาสป่วยด้วยโรคนี้มากกว่าคนทั่วไปหลายเท่า
อาการ
ผู้ที่ป่วยด้วยวัณโรคจะมีอาการดังต่อไปนี้
- ไอติดต่อกันเป็นานเกิน 2 สัปาดห์ ไอมีเสมหะหรืออาจไอเป็นเลือด
- มีไข้ อ่อนเพลีย
- เบื่ออาหาร น้ำหนักลดลง
- เหนื่อง่าย และมีอาการเจ็บหน้าอก
วิธีการป้องกัน
การติดเชื้อวัณโรคสามารถเกิดขึ้นได้จากการสูดละอองที่มีเชื้อวัณโรค แต่หากร่างกายมีภูมิคุ้มกันที่ดีก็จะสามารถป้องกันการเป็นโรควัณโรคได้ ดังนั้นจึงควรดูแลตัวเองด้วยวิธีสร้างภูมิคุ้มกันที่ดีเพื่อให้มีสุขภาพที่สมบูรณ์แข็งแรงอยู่เสมอ ส่วนวิธีการป้องกันอื่นๆ มีดังนี้
- ฉีดวัคซีนวัณโรค (BCG) เพื่อป้องกันโรควัณโรค วิธีนี้เหมาะสำหรับเด็กทุกคนที่อายุต่ำกว่า 7 ปี
- หลีกเลี่ยงการใกล้ชิดกับผู้ป่วยวัณโรค
- สวมใส่หน้ากากอนามัยเมื่อต้องอยู่ในพื้นที่ที่แออัด
- หมั่นตรวจร่างกายอยู่อยู่เสมอด้วยการเอ็กซเรย์ปอด (Chest X-ray) อย่างน้อยปีละครั้ง
- เมื่อพบว่ามีอาการเสี่ยง เช่น มีอาการไอติดต่อกัน 2 สัปดาห์ขึ้นไป มีไข้ อ่อนเพลีย และเบื่ออาหาร ควรรีบพบแพทย์ทันที
วิธีการรักษา
การรักษาวัณโรคในสูตรยาระยะสั้นจะมีวิธีรักษา 2 ระยะ คือ
-
ระยะเข้มข้น (Intensive phase)
ระยะเข้มข้นเป็นระยะที่ใช้ยารักษาวัณโรคหลายตัวในการรักษา เพื่อจัดการฆ่าเชื้อวัณโรคชนิดต่างๆ ในร่างกาย ทำให้ปริมาณเชื้อลดลงอย่างรวดเร็ว เมื่อปริมาณเชื้อในร่างกายมีปริมาณลดต่ำลง โอกาสที่จะมีเชื้อดื้อยาอยู่ในร่างกายก็จะต่ำลงด้วย หากจำนวนเชื้อลดต่ำลงมากแล้วก็ไม่จำเป็นต้องใช้ยารักษาหลายๆ ตัวอีก สามารถรักษาต่อด้วยระยะต่อเนื่องต่อไป
-
ระยะต่อเนื่อง (Continuation phase)
ระยะต่อเนื่องเป็นการรักษาต่อจากระยะเข้มข้น การรักษาในระยะนี้จะมีการให้ยาเพียง 2 ตัว โดยใช้เวลา 4-7 เดือน จนครบสูตรยาที่กำหนด การลดจำนวนยาในระยะนี้จะช่วยลดผลข้างเคียงจากยาได้ ช่วยให้ผู้ป่วยได้รับการรักษาอย่างสม่ำเสมอและต่อเนื่อง
เรียบเรียงข้อมูลจาก
- วงการแพทย์ – The Medical News (1)
- วงการแพทย์ – The Medical News (2)
- กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข
- โรงพยาบาลเปาโล พหลโยธิน – Paolo Hospital
- สถาบันวัคซีนแห่งชาติ (องค์การมหาชน) – National Vaccine Institute (NVI)
- ระบบฐานข้อมูลภาคนิพนธ์คณะเทคนิคการแพทย์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น