ยาอะซิโธรมัยซิน (Azithromycin) เป็นยาปฏิชีวนะในกลุ่มแมโครไลด์ (macrolide) ใช้รักษาอาการติดเชื้อจากแบคทีเรีย การติดเชื้อที่หูชั้นกลาง และการติดเชื้อที่ทางเดินหายใจในกรณีที่ผู้ป่วยแพ้ยาปฏิชีวนะในกลุ่มเพนิซิลิน (Penicillin) รวมถึงโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์
สารบัญเนื้อหา
คุณสมบัติยาอะซิโธรมัยซิน
มีฤทธิ์ยับยั้งการสังเคราะห์โปรตีนของแบคทีเรีย โดยการแทรกซึมผ่านผิวของแบคทีเรีย แล้วจับกับหน่วยย่อยไรโบโซม 50S (50S ribosome subunit) จึงยับยั้งการแลกเปลี่ยน (Translocation) ของ Aminoacyl transfer-RNA ที่มีผลต่อการสังเคราะห์โปรตีนได้
มีคุณสมบัติในการรักษาโรคติดเชื้อแบคทีเรีย เช่น โรคปอดบวม โรคปอดอักเสบ โรคหลอดลมอักเสบ ทอนซิลอักเสบ ไซนัสอักเสบ การติดเชื้อที่หู ปอด ผิวหนัง และลำคอ การติดเชื้อที่ทางเดินหายใจในกรณีที่ผู้ป่วยแพ้ยาปฏิชีวนะในกลุ่มเพนิซิลิน (Penicillin) รวมไปถึงรักษาโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ เช่น หนองในแท้ หนองในเทียม
วิธีใช้
หากเป็นยาชนิดแคปซูล ควรรับประทานก่อนอาหาร 1 ชั่วโมง หรือหลังอาหารอย่างน้อย 2 ชั่วโมง หากเป็นยาชนิดเม็ดสามารถรับประทานได้ทั้งก่อนและหลังอาหาร โดยทั่วไปจะรับประทานยาวันละ 1 ครั้ง และควรรับประทานยาในช่วงเวลาเดิมทุกวัน การรับประทานยาไม่ครบตามขนาดการรักษา อาจทำให้เชื้อเกิดการดื้อยาได้ หากลืมรับประทานยา ให้รับประทานยาทันทีที่นึกได้ แต่หากใกล้เวลากินครั้งถัดไป ให้รับประทานยาตามปรกติ ไม่ต้องเพิ่มขนาดยาเป็น 2 เท่า
ขนาดและวิธีการใช้ยาจะขึ้นอยู่กับว่าใช้เพื่อรักษาโรคประเภทใด สามารถแบ่งตามโรคได้ดังนี้
โรคติดเชื้อทางเดินหายใจส่วนบน
- ผู้ใหญ่ รับประทานยาวันละ 1 ครั้ง ติดต่อกัน 5 วัน วันแรกรับประทานยาขนาด 500 มิลลิกรัม ส่วนการรับประทานยาในวันต่อมาให้ลดขนาดยาเหลือวันละ 250 มิลลิกรัม
- เด็กอายุ 6 เดือนขึ้นไป
ไซนัสอักเสบ รับประทานยาวันละ 1 ครั้ง ติดต่อกัน 3 วัน โดยขนาดยาจะคิดตามน้ำหนักตัว รับประทานยาขนาด 10 มิลลิกรัม/กิโลกรัมหูชั้นกลางอักเสบ รับประทานยาวันละ 1 ครั้ง ติดต่อกัน 5 วัน โดยขนาดยาจะคิดตามน้ำหนักตัว วันแรกรับประทานยาขนาด 10 มิลลิกรัม/กิโลกรัม ส่วนวันต่อมาให้ลดขนาดยาเหลือ 5 มิลลิกรัม/กิโลกรัมคออักเสบ และทอนซิลอักเสบ รับประทานยาวันละ 1 ครั้ง ติดต่อกัน 5 วัน โดยขนาดยาจะคิดตามน้ำหนักตัว วันแรกรับประทานยาขนาด 12 มิลลิกรัม/กิโลกรัม (ขนาดยาต่อครั้งสูงสุดไม่เกิน 500 มิลลิกรัม)
โรคติดเชื้อทางเดินหายใจส่วนล่าง เช่น ปอดอักเสบ
- ผู้ใหญ่ รับประทานยาวันละ 1 ครั้ง ติดต่อกัน 5 วัน วันแรกรับประทานยาขนาด 500 มิลลิกรัม ส่วนการรับประทานยาในวันต่อมาให้ลดขนาดยาเหลือวันละ 250 มิลลิกรัม
- เด็กอายุ 6 เดือนขึ้นไป รับประทานยาวันละ 1 ครั้ง ติดต่อกัน 5 วัน โดยขนาดยาจะคิดตามน้ำหนักตัว วันแรกรับประทานยาขนาด 10 มิลลิกรัม/กิโลกรัม ส่วนวันต่อมาให้ลดขนาดยาเหลือ 5 มิลลิกรัม/กิโลกรัม (ขนาดยาต่อครั้งสูงสุดไม่เกิน 250 มิลลิกรัม)
โรคติดเชื้อที่ผิวหนัง และเนื้อเยื่อ
- ผู้ใหญ่ รับประทานยาวันละ 1 ครั้ง ติดต่อกัน 5 วัน วันแรกรับประทานยาขนาด 500 มิลลิกรัม ส่วนการรับประทานยาในวันต่อมาให้ลดขนาดยาเหลือวันละ 250 มิลลิกรัม
- เด็กอายุ 6 เดือนขึ้นไป รับประทานยาวันละ 1 ครั้ง ติดต่อกัน 3 วัน โดยขนาดยาจะคิดตามน้ำหนักตัว รับประทานยาขนาด 10 มิลลิกรัม/กิโลกรัม
โรคหนองในเทียมจากเชื้อ Chlamydia trachomatis
- ผู้ใหญ่ รับประทานยา 1 ครั้ง ขนาด 1,000 มิลลิกรัม (1 กรัม)
- เด็กอายุ 8 ปีขึ้นไป รับประทานยา 1 ครั้ง ขนาด 1,000 มิลลิกรัม (1 กรัม)
โรคหนองในจากเชื้อ Neisseria gonorrhoeae
- ผู้ใหญ่ รับประทานยา 1 ครั้ง ขนาด 1,000 มิลลิกรัม (1 กรัม) ร่วมกับยา cefixime 400 มิลลิกรัม หรือ ร่วมกับ ceftriaxone 250 มิลลิกรัม โดยฉีดเข้ากล้ามเนื้อ
โรคแผลริมอ่อนจากเชื้อ Haemophilus ducreyi
- ผู้ใหญ่ รับประทานยา 1 ครั้ง ขนาด 1,000 มิลลิกรัม (1 กรัม)
- เด็กอายุ 8 ปีขึ้นไป รับประทานยา 1 ครั้ง ขนาด 1,000 มิลลิกรัม (1 กรัม)
โรคเยื่อบุตาอักเสบจากเชื้อแบคทีเรีย
- ผู้ใหญ่ ใช้ยาหยอดตาความแรง 1% หยดที่ดวงตาข้างที่ติดเชื้อ วันละ 2 ครั้ง ครั้งละ 1 หยด ติดต่อกัน 2 วัน หลังจากนั้นหยดวันละ 1 ครั้ง ติดต่อกัน 5 วัน
โรคไข้ไทฟอยด์
- ผู้ใหญ่ รับประทานยาวันละ 1 ครั้ง ขนาด 1,000 มิลลิกรัม (1 กรัม) ติดต่อกัน 5 วัน
- เด็กอายุ 3 เดือนขึ้นไป รับประทานยาวันละ 1 ครั้ง ติดต่อกัน 5-7 วัน โดยคิดขนาดยาตามน้ำหนักตัว รับประทานยาขนาด 20 มิลลิกรัม/กิโลกรัม
ผลข้างเคียง
อาการข้างเคียงที่อาจพบได้คือ ปวดท้อง คลื่นไส้ อาเจียน ท้องอืด ท้องเสีย เบื่ออาหาร มีไข้ เจ็บคอ มีผื่นผิวหนัง ปวดกล้ามเนื้อ และการติดเชื้อในช่องคลอด กรณีที่มีผลข้างเคียงรุนแรง เช่น หายใจลำบาก เจ็บหน้าอก หัวใจเต้นผิดปกติ มีอาการบวมที่เท้าหรือข้อเท้า มีปัญหาเกี่ยวกับดวงตาหรือการมองเห็น หากมีอาการข้างเคียงทั่วไปอย่างรุนแรง หรือมีอาการข้างเคียงรุนแรงควรรีบไปพบแพทย์
ข้อควรระวัง
ควรระมัดระวังการใช้ยาในผู้ป่วยที่เป็นโรคตับ (significant hepatic disease) และห้ามใช้ในผู้แพ้ยากลุ่มอีริโทรไมซิน (Erythromycin) (ยาปฏิชีวนะในกลุ่มแมโครไลด์) เนื่องจากเป็นยาปฎิชีวนะจึงควรระวังในการใช้ หากใช้ยามากเกินไปจะส่งผลให้แบคทีเรียพัฒนาตัวเองต่อการดื้อยา เป็นอุปสรรคต่อการรักษาโรคในอนาคต ควรใช้ยาตามแนะนำของแพทย์และเภสัชกรเท่านั้น
ยาอะซิโธรมัยซิน (Azithromycin) เป็นยาปฏิชีวนะสำหรับใช้รักษาอาการติดเชื้อจากแบคทีเรีย แต่ปัจจุบันมีการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) จึงมีการนำยานี้มาใช้เพื่อรักษาผู้ติดเชื้อ ทั้งผู้ที่มีอาการทั่วไป และผู้ที่ติดเชื้อในระดับรุนแรง โดยใช้ร่วมกับยาอื่นๆ ทั้งนี้ไม่ใช่ยาสำหรับรักษาโรคโดยตรง และไม่สามารถกินเพื่อป้องกันการติดเชื้อได้ สำหรับวัคซีนและยาต้านไวรัสยังอยู่ในระหว่างการศึกษาวิจัย เพื่อค้นหาตัวยาที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพในการรักษาโรคต่อไป
เรียบเรียงข้อมูลจาก
- พบแพทย์
- honestdocs (1)
- honestdocs (2)
- honestdocs (3)
- หมอชาวบ้าน
- กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณะสุข
- ระบบเครือข่ายเภสัชสนเทศประชานาถ (Prachanath DIS Collaboration)
- สํานักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.)
- กลุ่มนโยบายแห่งชาติด้านยา สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.)