สารบัญเนื้อหา
ผลไม้และสมุนไพร แก้หวัด
ทุกครั้งที่มีการเปลี่ยน ฤดูทีไร โรคหวัด อาการปวดหัวตัวร้อนมีไข้ ก็เริ่มกลับเข้ามาทักทายกันอีกครั้ง ส่วนใหญ่ก็มักที่จะเดินเข้าร้านขายยาไปซื้อ มิตามินมารับประทานเพื่อเป็นการบำรุงร้ายกลาบ เพราะไม่อยากเจอกับไข้หวัดเหล่านี้ แต่สำหรับคนที่งบในกระเป๋าไม่พอ เราก็ขอแนะนำตัวช่วยอีกอย่างที่หาได้รอบๆตัว ตามมาอ่านกันค่ะ
สมุนไพรไทยช่วยต้าน “หวัด”
ดร. สายพิณ โชติวิเชียร ผู้อำนวยการสำนักโภชนาการ กล่าวเพิ่มเติมว่า ผักสมุนไพรไทยที่ควรรับประทานเพื่อสร้างภูมิคุ้มกันในช่วงฤดูฝน ได้แก่
1.กระเทียม
กระเทียมสมุนไพรกลิ่นฉุน แต่มันเป็นยาสมุนไพรสำหรับคัดจมูกที่ใช้งานได้ดีเพียงนำกระเทียมที่ใช้ในการปรุงอาหารตามเมนูทั่วไปใส่ลงในอาหาร ก็จะช่วยลดอาการคัดจมูก หรืออาจกินสด7 กลีบแบบสดๆ ในแต่ละครั้งพร้อมกับอาหารเป็นประจำทุกวันจนกว่าอาการจะดีขึ้น แต่ห้ามกินกระเทียมตอนท้องว่าง เพราะอาจระคายเคืองกระเพาะ

2.หอมแดง
นำหอมแดงขนาดเล็กจำนวน 1 หัวมาปอกเปลือกแล้วกินกับอาหารเป็นประจำทุกวันสรรพคุณจากหอมแดงจะช่วยป้องกันโรคหวัดและบรรเทาอาการคัดจมูก

3.ขิง
นำขิง หั่นเป็นแว่นแล้วต้มกับน้ำ 1 ลิตรรอให้เดือดประมาณ 5 นาทีจากนั้นจึงตักขิงออก ให้ดื่มในขณะที่อุ่นๆ โดยการดื่มวันละ 1 แก้วสำหรับมื้อกลางวันและมื้อค่ำน้ำขิงสามารถช่วยลดน้ำมูกได้

4.ตะไคร้
ใช่ต้นตะไคร้ 3-4 ต้นนำมาต้มกับน้ำ 1 ลิตรต้มให้เดือด ก่อนจะตักต้นตะไคร้ทิ้ง เอาแต่น้ำ พยายามจิบบ่อย ๆ ตลอดทั้งวันได้ยิ่งดี เพราะตะไคร้เป็นสมุนไพรในการรักษาอาการคัดจมูกได้ดี นอกจากนี้ยังช่วยรักษาอาการน้ำมูกไหลจากหวัดอีกด้วย

สมุนไพรเหล่านี้สามารถ พบได้ง่ายในพื้นที่ท้องถิ่น และเป็นสมุนไพรที่มีคุณสมบัติเผ็ดร้อนช่วยบรรเทาอาการของโรคไข้หวัดและเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้ร่างกายพร้อมที่จะรับสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงในช่วงฤดูฝน
นอกจากนี้ยังมีผลไม้ที่แนะนำให้รับประทานในช่วงนี้ ได้แก่
1.ฝรั่ง
ฝรั่งเป็นผลไม้ป้องกันโรคที่อุดมไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุมากมาย ซึ่งจัดเป็นผลไม้ที่มีวิตามินซีสูง 165 กรัมฝรั่งจะให้วิตามินมากถึง 377 มก. มันมีวิตามินซีสูงกว่าส้มถึง 5 เท่า ฝรั่งมีคุณค่าอย่างมากในการช่วยต้านทานโรคหวัด เพราะวิตามินซีที่ฝรั่งมีเพียงพอที่จะตอบสนองความต้องการของร่างกายร่างกายต้องการวิตามินซี 60 มก. ใน 1 วัน แต่ฝรั่งมีวิตามินซี 160 มก. ช่วยต้านอนุมูลอิสระชะลอริ้วรอยลดริ้วรอยนอกจากนี้ยังมีสารต่อต้าน คุณสมบัติการติดเชื้อและสามารถกำจัดเชื้อแบคทีเรียได้เช่นกัน

2.ส้มโอ
ส้มโอช่วยในเรื่องของการล้างสารพิษในร่างกาย (ผล) มีส่วนร่วมในการลดความเสี่ยงของโรคมะเร็ง (ผล) ส่วนในตำราจากจจีนมีการใช้เปลือกส้มโอเป็นยาแก้พิษ ช่วยบรรเทาอาการไอผสมในยาหอมกินได้และสดชื่น (เปลือก) ส่วนตำราของคนไทยเปลือกส้มโอ 8 เปลือกส้มซึ่ง ประกอบด้วยเปลือกส้มโอ เปลือกส้มเขียวหวาน เปลือกส้มจีน เปลือกส้มซ่า เปลือกส้มตรังกานู เปลือกมะนาว เปลือกมะกรูด เปลือกมะงั่น ซึ่งมีสรรพคุณแก้ลม (ระบบไหลเวียนโลหิต) แก้เสมหะ และใช้ปรุงเป็นยาหอม

3.มะเฟือง
ช่วยในเรื่องของการแก้ร้อนใน ช่วยดับกระหาย ช่วยลดอุณหภูมิในร่างกาย ถอนพิษไข้ ถือว่าเป็นยาขับเสมหะที่ดีมากเลยทีเดียว และยังช่วยช่วยป้องกันการเกิดโรคโลหิตจาง อีกด้วย

4.กล้วยน้ำว้า ตามธรรชาติ
กินกล้วย 1-2 ผลต่อวันเพื่อเพิ่มภูมิต้านทานโรค เช่น หวัด ไข้หวัดใหญ่ และอื่น ๆ กล้วยที่มีผิวสีเหลืองและจุดด่างดำจะมีความสามารถในการเพิ่มเซลล์เม็ดเลือดขาวมากกว่ากล้วยที่เขียวกว่า 8 เท่า
