การรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกายจะช่วยให้เรามีสุขภาพดีและมีร่างกายที่แข็งแรง โดยเฉพาะการรับประทานอาหารประเภทผักและผลไม้ ซึ่งจะอาหารที่อุดมไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุที่เป็นประโชน์มาก แต่ปัจจุบันผักและผลไม้ที่วางขายส่วนใหญ่มีสารเคมีตกค้างอยู่มาก หากรับประทานเข้าไปโดยไม่ผ่านการล้างทำความสะอาดให้ดีแล้วล่ะก็ จะทำให้เกิดผลเสีอต่อร่างกาย อาจทำให้มีอาการหน้ามืด วิงเวียนศีรษะ ท้องร่วง หัวใจวาย และอาจร้ายแรงถึงขั้นเสียชีวิตได้ นอกจากนี้ผักผลไม้สดยังสามารถปนเปื้อนด้วยเชื้อโรคอื่นๆ ซึ่งทำให้เกิดอาการอาหารเป็นพิษ
วิธีป้องกันการได้รับสารพิษจากสารเคมี ยาฆ่าแมลง และเชื้อโรคที่มากับผักและผลไม้ สามารถทำได้โดยการล้างผักผลไม้ให้สะอาดก่อนนำไปรับประทาน หรือก่อนนำไปปรุงอาหาร วิธีล้างผักให้สะอาดมี 3 วิธี คือ การล้างผักด้วยน้ำธรรมดา การล้างผักด้วยน้ำส้มสายชู และการล้างผักด้วยผงฟูหรือเบกกิ้งโซดา แต่ละวิธีในการล้างผักมีขั้นตอนต่างๆ ดังนี้
วิธีล้างผักด้วยน้ำธรรมดา
การล้างผักผลไม้ด้วยน้ำธรรมดา สามารถทำได้โดยใช้น้ำสะอาดมาล้างผักและผลไม้ เช่น น้ำประปา น้ำกรองที่กรองจนสะอาดแล้ว หรือน้ำดื่ม เป็นต้น ขั้นตอนในการล้างผักด้วยน้ำธรรมดามี 4 ขั้นตอน คือ
- แช่ผักผลไม้ที่ต้องการทำความสะอาดลงในน้ำเปล่าเป็นเวลาประมาณ 15 นาที
- นำผักผลไม้ใส่ลงในตะกร้า หรือตะแกรง
- ล้างด้วยน้ำสะอาด โดยเปิดน้ำด้วยความแรงพอประมาณ
- ถูล้างตามผิวของผักผลไม้ หากล้างในส่วนของใบ ควรคลี่ใบผักแล้วถูทำความสะอาดไปมาเบาๆ เป็นเวลาอย่างน้อย 2 นาที
การล้างด้วยน้ำสะอาดสามารถลดสารพิษตกค้างได้ 25-63%
วิธีล้างผักด้วยน้ำส้มสายชู
การล้างผักผลไม้ด้วยน้ำส้มสายชู สามารถทำได้โดยการใช้น้ำส้มสายชูแบบ 5% มาผสมกับน้ำสะอาด เช่น น้ำประปา น้ำที่ผ่านการกรองจนสะอาดแล้ว หรือน้ำดื่ม ขั้นตอนในการล้างผักด้วยน้ำส้มสายชูมี 3 ขั้นตอน คือ
- เตรียมน้ำส้มสายชู 5% ผสมกับน้ำสะอาด โดยใช้อัตราส่วนน้ำส้มสายชู 1 ช้อนโต๊ะต่อน้ำ 4 ลิตร
- แช่ผักผลไม้ที่ต้องการทำความสะอาดลงในน้ำผสมน้ำส้มสายชูเป็นเวลาประมาณ 10 นาที
- นำผักผลไม้มาล้างออกด้วยน้ำสะอาด
การล้างด้วยน้ำส้มสายชูสามารถลดสารพิษตกค้างได้ 60-84%
วิธีล้างผักด้วยผงฟูหรือเบกกิ้งโซดา
การล้างผักผลไม้ด้วยผงฟูหรือเบกกิ้ง สามารถทำได้โดยการใช้ผงฟู หรืออาจใช้เบกกิ้งโซดาแทนผงฟูก็ได้ จากนั้นนำมาผสมกับน้ำสะอาด เช่น น้ำประปา น้ำกรองสะอาด หรือน้ำดื่ม ขั้นตอนในการล้างผักด้วยผงฟูหรือเบกกิ้งโซดามี 3 ขั้นตอน คือ
- เตรียมผงฟูหรือเบกกิ้งโซดา (โซเดียมไบคาร์บอเนต) ผสมกับน้ำสะอาด โดยใช้อัตราส่วนครึ่งช้อนโต๊ะต่อน้ำ 10 ลิตร
- นำผักผลไม้ที่ต้องการทำความสะอาดมาแช่ลงในน้ำที่ผ่านการผสมด้วยผงฟูหรือเบกกิ้งโซดาแล้ว เป็นเวลาประมาณ 15 นาที
- ล้างผักผลไม้อีกครั้งด้วยน้ำสะอาด
การล้างด้วยผงฟูหรือเบกกิ้งโซดาสามารถลดสารพิษตกค้างได้ 90-95%
การล้างผักด้วยวิธีต่างๆ ข้างต้น สามารถช่วยลดปริมาณของสารเคมีที่ตกค้างอยู่ในผักและผลไม้ได้ วิธีที่ดีที่สุดในการล้างผักผลไม้ให้สะอาดคือการล้างด้วยผงฟูหรือเบกกิ้งโซดา แต่ถ้าหากไม่สะดวกก็สามารถเลือกใช้วิธีล้างด้วยน้ำเปล่า หรือน้ำส้มสายชูแทนก็ได้ ในกรณีที่ทำความสะอาดด้วยน้ำเปล่า แนะนำให้ล้างน้ำสะอาดหลายครั้ง หรืออาจเพิ่มเวลาในการล้างให้มากขึ้น เพื่อให้แน่ใจว่าจะไม่มีสารเคมีใดตกค้าง การล้างผักผลไม้ทุกครั้งก่อนรับประทานจะช่วยให้เรามั่นใจได้ว่าอาหารที่เราจะรับประทานนั้นเป็นอาหารที่สะอาด ปลอดภัย และช่วยให้สุขภาพดี