การมีภูมิคุ้มกันที่ดีคือสิ่งจำเป็นที่จะช่วยให้เรามีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรง ไม่เจ็บป่วยง่าย และสามารถใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุข วิธีที่จะช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันในการป้องกันโรคให้แก่ร่างกายคนเราที่ง่ายและมีประสิทธิภาพที่สุดวิธีหนึ่งก็คือ การฉีดวัคซีน
สำหรับเด็กๆ ซึ่งเป็นวัยที่ภูมิคุ้มกันร่างกายยังไม่แข็งแรงดีนัก การรับวัคซีนพื้นฐานอย่างครบถ้วน จะช่วยป้องกันโรคติดต่อต่างๆ ที่ส่งผลเสียต่อสุขภาพร่างกาย รวมถึงช่วยป้องกันโรคร้ายแรงที่อาจเป็นอันตรายถึงชีวิต นอกจากนี้วัคซีนเสริมบางชนิดก็สำคัญเช่นกัน วัคซีนสำหรับเด็กที่เด็กควรได้รับตามกำหนดการให้วัคซีนของแผนงานสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรค กระทรวงสาธารณสุข ปี 2563 สามารถดูได้จากตาราง ดังนี้
สารบัญเนื้อหา
ตารางวัคซีนสำหรับเด็ก ปี 2563
*ตัวเลขที่อยู่ด้านหลังชื่อวัคซีน หมายถึง จำนวนครั้งที่รับวัคซีนนั้นๆ
ข้อแนะนำเพิ่มเติมในการรับวัคซีนเด็ก
วัคซีนเด็กที่ควรได้รับตั้งแต่แรกเกิด
-
-
- HB1 วัคซีนป้องกันโรคตับอักเสบบี ควรให้เร็วที่สุดภายใน 24 ชั่วโมงหลังคลอด
- BCG วัคซีนป้องกันวัณโรค ควรฉีดให้เด็กก่อนออกจากโรงพยาบาล
-
วัคซีนเด็กที่ควรได้รับเมื่ออายุ 1 เดือน
-
-
- HB2 วัคซีนป้องกันโรคตับอักเสบบี เฉพาะเด็กที่คลอดจากมารดาที่เป็นพาหะของไวรัสตับอักเสบบี
-
วัคซีนเด็กที่ควรได้รับเมื่ออายุ 2 เดือน
-
-
- Rota1 วัคซีนโรต้า ห้ามให้วัคซีน โรต้าครั้งแรกในเด็กอายุมากกว่า 15 สัปดาห์
-
วัคซีนเด็กที่ควรได้รับเมื่ออายุ 4 เดือน
-
-
- OPV2 วัคซีนป้องกันโรคโปลิโอชนิดรับประทาน ให้วัคซีนนี้ร่วมกับวัคซีนป้องกันโปลิโอชนิดฉีด
- IPV วัคซีนป้องกันโรคโปลิโอชนิดฉีด ฉีดวัคซีนเพื่อป้องกันโปลิโอ 1 เข็ม
- Rota2 วัคซีนโรต้า ห้ามให้วัคซีนโรต้าครั้งสุดท้ายในเด็กอายุมากกว่า 32 สัปดาห์
-
วัคซีนเด็กที่ควรได้รับเมื่ออายุ 6 เดือน
-
-
- Rota วัคซีนโรต้า ห้ามให้วัคซีนโรต้าครั้งสุดท้ายในเด็กอายุมากกว่า 32 สัปดาห์ และให้ยกเว้นการได้รับวัคซีนครั้งที่ 3 ในเด็กที่ได้รับวัคซีน Rotarix มาแล้ว 2 ครั้ง
-
วัคซีนเด็กที่ควรได้รับเมื่ออายุ 9 เดือน
-
-
- MMR1 วัคซีนรวมป้องกันหัด-คางทูม-หัดเยอรมัน หากไม่ได้ฉีดเมื่ออายุ 9 เดือน ให้รีบฉีดโดยเร็วที่สุด
-
วัคซีนเด็กที่ควรได้รับเมื่อศึกษาในระดับประถมศึกษาปีที่ 1
-
-
- BCG วัคซีนป้องกันวัณโรค ให้รับวัคซีนในกรณีที่ไม่มีหลักฐานว่าเคยได้รับวัคซีนเมื่อแรกเกิด และไม่มีแผลเป็น และไม่ให้วัคซีนนี้ในเด็กติดเชื้อเอชไอวีที่มีอาการของโรคเอดส์
-
วัคซีนเด็กที่ควรได้รับเมื่อศึกษาในระดับประถมศึกษาปีที่ 5
-
-
- HPV1 และ HPV2 วัคซีนป้องกันมะเร็งปากมดลูกจากเชื้อเอชพีวี วัคซีนนี้ต้องฉีด 2 ครั้ง ระยะห่างระหว่างเข็มควรห่างกันอย่างน้อย 6 เดือนขึ้นไป กรณีเด็กหญิงไทยที่ไม่ได้อยู่ในระบบการศึกษาให้ฉีดที่อายุ 11-12 ปี
-
หมายเหตุ
- วัคซีนทุกชนิดถ้าไม่สามารถเริ่มให้ตามกำหนดได้ ก็เริ่มให้ทันทีที่พบครั้งแรก
- สำหรับวัคซีนที่ต้องให้มากกว่า 1 ครั้ง หากเด็กมารับวัคซีนครั้งต่อไปล่าช้า สามารถให้วัคซีนครั้งต่อไปได้โดยไม่ต้องเริ่มต้นครั้งที่ 1 ใหม่
- กรณีการให้วัคซีนแก่ผู้ที่ได้รับวัคซีนไม่ครบถ้วนหรือล่าช้า เด็กจะได้รับวัคซีนตามกำหนดครบภายในระยะเวลา 1 ปี จากนั้นให้วัคซีนต่อเนื่องตามที่กำหนดในกำหนดการให้วัคซีนปกติ
เรียบเรียงข้อมูลจาก : กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข