ยาฟาวิพิราเวียร์ (Favipiravir) หรือ T-705 เป็นยาต้านไวรัสที่ผลิตและคิดค้นขึ้นเพื่อรักษาโรคไข้หวัดใหญ่โดยบริษัทฟูจิฟิล์ม โตยามะ เคมิคัล (Fujifilm Toyama Chemical) ประเทศญี่ปุ่น และได้รับอนุญาตให้ใช้เมื่อปี พ.ศ. 2557 เนื่องจากมีฤทธิ์ต้านไวรัสหลายชนิดจึงมีการนำมาใช้รักษาโรคไวรัสต่างๆ รวมถึงไวรัสอีโบล่าในช่วงปี พ.ศ. 2557-2559 ที่มีการระบาดอย่างหนักด้วย เป็นยาที่มีผลข้างเคียงน้อย แต่อันตรายสำหรับผู้ที่เป็นโรคเก๊าต์ และผู้ที่กำลังตั้งครรภ์
ชื่อทางการค้าของยามีสองชื่อคือ ยาอาวิแกน (Avigan) และยาฟาวิลาเวียร์ (Favilavir) โดยยาอาวิแกน (Avigan) เป็นชื่อทางการค้าของบริษัทญี่ปุ่น ส่วนยาฟาวิลาเวียร์ (Favilavir) เป็นชื่อทางการค้าของบริษัทประเทศจีนที่ได้รับสิทธิบัตรจากบริษัทฟูจิฟิล์ม โตยามะ เคมิคัล ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2559 ผลิตและจัดจำหน่ายโดยบริษัทเจ้อเจียง ไฮซัน ฟาร์มาซูติคอล (Zhejiang Hisun Pharmaceutical)
คุณสมบัติของยาฟาวิพิราเวียร์ (Favipiravir)
มีโครงสร้างหลักเป็นสารประกอบอะโรมาติก (Aromatic compounds) มีอะตอมไนโตรเจนและซัลเฟอร์เป็นองค์ประกอบ สามารถใช้ต่อต้านไวรัสไข้หวัดใหญ่ที่มีการดื้อยาซานามิเวียร์ (zanamivir) และยาโอเซลทามิเวียร์ (oseltamivir) ได้อย่างดีและมีประสิทธิภาพ
มีคุณสมบัติในการต้านไวรัสในกลุ่มอาร์เอ็นเอหลายชนิด (RNA virus) เช่น ไวรัสไข้หวัดใหญ่ (influenza virus) ไวรัสไข้เหลือง (yellow fever virus) ไวรัสโรคปากและเท้าเปื่อย (foot-and-mouth disease virus) และไวรัสอื่นๆ ที่อยู่ในตระกูลฟลาวิไวรัส (flavivirus) โดยยับยั้งการทำงานของเอนไซม์ RNA-dependent RNA polymerase (RdRp) ทำให้อาร์เอ็นเอไวรัสไม่สามารถเพิ่มจำนวนได้
ผลข้างเคียง
อาจทำให้เกิดอาการคลื่นไส้ อาเจียน ถ่ายเหลว และตับอักเสบ รวมถึงอาจส่งผลให้ระดับกรดยูริกในเลือดสูงขึ้นจนเสี่ยงต่อภาวะข้ออักเสบเฉียบพลัน (acute gouty attack) ในผู้ที่เป็นโรคเก๊าต์ ยานี้เป็นอันตรายแก่ผู้ที่กำลังตั้งครรภ์ เนื่องจากยาสามารถส่งผ่านทางรก และถูกขับออกได้ผ่านทางน้ำนม อาจส่งผลให้ทารกพิการได้
ยาฟาวิพิราเวียร์ (Favipiravir) เป็นยาต้านไวรัสสำหรับรักษาโรคไวรัสไข้หวัดใหญ่ แต่เนื่องจากปัจจุบันมีการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) และยังไม่มียาสำหรับใช้ในการรักษาโรคโดยตรง จึงมีการนำยานี้มาใช้เพื่อรักษาผู้ป่วยติดเชื้อที่มีอาการปอดอักเสบ (Pneumonia case) ซึ่งคณะนักวิจัยสังกัดหน่วยงานรัฐบาลจีนค้นพบว่ายานี้ “สามารถรักษาผู้ป่วยที่ติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ได้อย่างมีประสิทธิภาพ” ทั้งนี้ยังอยู่ในขั้นตอนการศึกษาเพื่อประเมินผลทั้งด้านประสิทธิภาพและความปลอดภัยในการรักษาโรคต่อไป
เรียบเรียงข้อมูลจาก
วงการแพทย์
วารสารวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล
หน่วยคลังข้อมูลยา คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล
กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณะสุข
สมาคมเภสัชกรรมโรงพยาบาล (ประเทศไทย)
อยู่กับยา
คมชัดลึก
เดลินิวส์
ฐานเศรษฐกิจ
NEW18
THE STANDAD