ตรวจสุขภาพ

สารบัญเนื้อหา

การใช้ยาอย่าง “ปลอดภัย”

ยา ที่เราใช่ในการรักษาไข้นั้นจะช่วยให้เราหายป่วย ยาทุกอย่างนั้นมีความอัตรายหายใช่เกิดขนาดหรือใช่ในเวลาที่ไม่จำเป็น จะทำให้ร่างกายนั้นสามารถส่งผลต่อสุขภาพร่างกายได้ทุกระบบ ที่เป็นผลจากการกินยาเกินขนาด ในบางครั้งผู้ป่วยก็อาจมีภาวะแทรกซ้อนเกิดขึ้นได้ถึงจะมีเรื่องดีในการรักษา แต่ก็มีข้อเสียที่ตามมาพร้อมๆกัน

วิธีการใช้ยาอย่าง “ปลอดภัย” เพื่อไม่ให้เกิดอัตรายต่อร่างกาย 1

“ประโยชน์ของยา”

ผลของยาจะออกฤทธามวัตถุประสงค์ที่ใช้ เช่น ช่วยลดความดันโลหิต ช่วยในการรักษาโรคติดเชื้อบร

” อันตรายของยา”

สามารถเกิดขึ้นได้ทุกเวลาเช่นกันโดยเริ่มจาก อาการไม่พึงประสงค์หรือผลข้างเคียงของยาที่ไม่รุนแรงเช่น คลื่นไส้กระสับกระส่าย นอนไม่หลับหรือง่วงนอน จนเสียชีวิต อย่างรุนแรงเช่นตับถูกทำลายหรือหายใจไม่ออก อันตรายจากยาอาจเกิดจากสาเหตุอื่น เช่น เนื่องจากปฏิกิริยาระหว่างยาสองตัว (ปฏิกิริยาระหว่างยา) ปฏิกิริยาระหว่างยากับอาหารเครื่องดื่มหรืออาหารเสริม(เช่นวิตามินหรือสมุนไพร) ที่กินระหว่างการใช้ยาซึ่งอาจส่งผลให้ยาบางชนิดที่มีประสิทธิภาพหรือลดลงจนรุนแรงเกินไป จนเกิดผลข้างเคียงเกินความคาดหมายหรืออาจทำให้เกิดสารเคมีใหม่ที่มีอันตรายสูง

วิธีการใช้ยาอย่าง “ปลอดภัย” เพื่อไม่ให้เกิดอัตรายต่อร่างกาย 2

คำแนะนำพื้นฐานสำหรับการใช้ “ยา” ที่ปลอดภัยคือการลดความเสี่ยงของการใช้ยาและได้รับประโยชน์จากยา

1.พูดคุยกับแพทย์เภสัชกรบอกรายละเอียดเกี่ยวกับตัวคุณให้มากที่สุด เช่น

-เรื่องของการแพ้ยา

-ช่วงนี้ได้ทานอาหารเสริมอยู่รึป่าว

-ท่านสามารถทานยาเม็ดได้หรือไม่ (เพราะบ้างคนไม่ปัญหาเกี่ยวกับการกลืนยาเม็ด)

-อยู่ในช่วงมีบุตรอยู่รึป่าว

-สามารถสอบถามรายละเอียดที่มีข้อสงสัยกับแพทย์ได้เลย

2. รู้จักยาที่ใช้ทั้งยาที่ต้องสั่งโดยแพทย์หรือว่าคุณซื้อมาด้วยตัวเองจากร้านขายยา เช่น

– ชื่อสามัญของยา เพื่อหลีกเลี่ยงการใช้ยาซ้ำซ้อนและการที่ได้รับยาเกินขนาด

– ชื่อทางการค้าของยา

– ลักษณะทางกายภาพของยา เช่น สี กลิ่น รูปร่าง ฯลฯ เมื่อสภาพของยาเปลี่ยน เช่น การเปลี่ยนสีให้หลีกเลี่ยงการใช้ยาดังกล่าว เพราะมันอาจทำให้เกิดอันตรายได้

– ข้อกำหนดการใช้ยาเช่นเวลาที่ใช้และระยะเวลาที่ควรใช้

– ควรหยุดยาในสถานการณ์ใดทันที

– ผลข้างเคียงของยาหรือปฏิกิริยาของยาที่ควรระวัง

วิธีการใช้ยาอย่าง “ปลอดภัย” เพื่อไม่ให้เกิดอัตรายต่อร่างกาย 3

3. อ่านฉลากยาและปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด

– ทำความเข้าใจรายละเอียดของยาจากฉลากยา ควรอ่านฉลากยาอย่างน้อย 2 ครั้งก่อนใช้ยาเพื่อให้แน่ใจว่ายานั้นถูกต้องหากคุณไม่เข้าใจซึ่งควรปรึกษาแพทย์เภสัชกรหรือผู้เชี่ยวชาญ

– เก็บยาในสถานที่ที่เหมาะสมตามที่ระบุไว้ในฉลาก

– อย่าเก็บยาประเภทต่าง ๆ ไว้ในภาชนะเดียวกัน และไม่ควรเก็บยาไว้ใช้ภายในและยาสำหรับใช้ภายนอกนั้นไว้ในที่เดียวกัน

4. หลีกเลี่ยงการเพิ่มความเสี่ยงของปฏิกิริยาระหว่างยา

– จำและหลีกเลี่ยงอย่างเคร่งครัดต่อ ยา อาหารหรือเครื่องดื่มที่ก่อให้เกิดปฏิกิริยากับยาที่รับประทานซึ่งก่อให้เกิดการเบี่ยงเบนของการกระทำและสามารถเพิ่มอันตรายของยา

– หากเป็นไปได้ทุกครั้งที่คุณต้องการใช้ยาใหม่เพิ่มเติม คุณควรใช้ยาตัวเดียวกันที่กินอยู่ เพื่อแสดงแพทย์หรือเภสัชกรเพื่อตรวจสอบว่ายา และเพื่อจัดยาอย่างเหมาะสม

วิธีการใช้ยาอย่าง “ปลอดภัย” เพื่อไม่ให้เกิดอัตรายต่อร่างกาย 4

5. สังเกตตนเองเกี่ยวกับผลกระทบข้างเคียงจากการใช้ยาหรือไม่

– สังเกตว่าผลของยานั้นเป็นไปตามแผนการใช้ยาหรือไม่ถ้าไม่ให้ไปพบแพทย์หรือเภสัชกรอีกครั้ง เพื่อประเมินและปรับการรักษา

– มุ่งเน้นไปที่อาการต่าง ๆ ของร่างกายหากมีสิ่งผิดปกติควรปรึกษาแพทย์

– ถามล่วงหน้าว่าสิ่งที่ควรทำเมื่อมีผลข้างเคียงจากการใช้ยาหรือขอข้อมูลบางอย่างเพื่อลดผลข้างเคียงเช่นรับประทานยาหลังกินทันทีเพื่อลดอาการปวดท้อง

ยาทุกชนิดนั้นได้ระบุการใช่ยาอย่างถูกต้องไว้ที่ฉลากของตัวย้เองเสมอ การที่ทานยาปุ๊บแล้วจะหายจากไข้เลยถือว่าเป็นเรื่องที่ยาก แนะนำว่าอย่าใจร้อนไปเลยค่ะ แต่สำหรับท่านไหนที่มีปัญหาหรือมีข้อสงสัยในการใช่บาแนะนำว่าให้ปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เลยค่ะ เพื่อเป็นการลดความเสี่ยงในการใช่ยาผิดปกติ