วัคซีนไวรัสตับอักเสบบี เป็นวัคซีนที่จะช่วยป้องกันการติดเชื้อไวรัสที่ทำให้เกิดอาการอักเสบในตับ ซึ่งจัดเป็นหนึ่งในวัคซีนพื้นฐานที่เด็กไทยทุกคนควรได้รับตามกำหนดการให้วัคซีนของแผนงานสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรค กระทรวงสาธารณสุข ปี 2563 ทั้งนี้เพื่อป้องกันการติดเชื้อตั้งแต่แรกเกิด เด็กทุกคนจึงควรได้รับวัคซีนนี้ภายใน 24 ชั่วโมงหลังคลอด เนื่องจากหากเกิดการติดเชื้อตั้งแต่วัยเด็กจะมีโอกาสเป็นโรคไวรัสตับอักเสบบีแบบเรื้อรังสูงกว่าผู้ใหญ่ อีกทั้งมักจะไม่มีการแสดงอาการของโรคออกมา เด็กทุกคนจึงควรได้รับวัคซีนเด็ก เพราะเป็นวิธีป้องกันที่ดีที่สุด
สารบัญเนื้อหา
ประเภทของวัคซีนไวรัสตับอักเสบบี
วัคซีนไวรัสตับอักเสบบี (Hepatitis B Vaccine) ที่ใช้ในการป้องกันโรคไวรัสตับอักเสบบี สามารถแบ่งได้เป็น 2 ประเภท คือ
-
วัคซีนจากพลาสมาของผู้ติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบี
วัคซีนจากพลาสมาของผู้ติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบี (Plasma-derived vaccine) เริ่มผลิตและแพร่หลายช่วงปี พ.ศ. 2524-25245 ในประเทศฝรั่งเศส และสหรัฐอเมริกา ผลิตขึ้นโดยวิธีการแยกโปรตีนจากเปลือกของเชื้อไวรัสตับอักเสบบี (Hepatitis B surface antigen: HBsAg) ออกจากพลาสม่าของผู้ติดเชื้อ ทำให้บริสุทธิ์ด้วยยูเรีย (Urea) เพปซิน (Pepsin) ฟอร์มาลดีไฮด์ (Formaldehyde) และความร้อน เนื่องจากมีความยุ่งยากและมีต้นทุนในการผลิตสูง ปัจจุบันจึงไม่ค่อยนิยมใช้วัคซีนประเภทนี้มากนัก
-
วัคซีนที่ผลิตด้วยวิธีทางพันธุวิศวกรรม
วัคซีนที่ผลิตด้วยวิธีทางพันธุวิศวกรรม (Recombinant DNA vaccine) ผลิตโดยการนำยีนที่ควบคุมโปรตีนจากเปลือกของเชื้อไวรัสตับอักเสบบี (HBsAg) เข้าไปในเซลล์เป้าหมาย เช่น เซลล์ยีสต์ หรือเซลล์สัตว์ เพื่อให้เซลล์เหล่านี้สร้างโปรตีนจากเปลือกของเชื้อไวรัสตับอักเสบบี (HBsAg) ออกมา แล้วนำมาทำการแยกส่วนให้บริสุทธิ์เพื่อนำไปผลิตเป็นวัคซีน
สำหรับวัคซีนตับอักเสบบีที่ใช้ในประเทศไทยจะเป็นวัคซีนที่ผลิตด้วยวิธีทางพันธุวิศวกรรม เป็นวัคซีนชนิดน้ำที่เตรียมจากแอนติเจนหรือโปรตีนหรือผิวนอกของเชื้อไวรัสตับอักเสบบี (HBsAg)
วิธีรับวัคซีน
ขนาดและปริมาณการได้รับวัคซีนไวรัสตับอักเสบเอ |
||||
ชื่อวัคซีน | อายุ (ปี) | ขนาด (ไมโครกรัม) | ปริมาณ (มิลลิลิตร) | จำนวนครั้งที่รับวัคซีน |
Engerix BT | 0-20 | 10 | 0.5 | 3 |
20 ปี ขึ้นไป | 20 | 1 | 3 | |
Euvax-B | 0-15 | 10 | 0.5 | 3 |
15 ปี ขึ้นไป | 20 | 1 | 3 | |
HBVaxPRO | 0-16 | 5 | 0.5 | 3 |
16 ปี ขึ้นไป | 10 | 1 | 3 | |
HEBERBIOVAC-HB | 0-35 | 10 | 0.5 | 3 |
35 ปี ขึ้นไป | 20 | 1 | 3 | |
Hepatitis B (Serum Institute of India) Hepavax-Gene Hepavax-Gene TF |
0-10 | 10 | 0.5 | 3 |
10 ปี ขึ้นไป | 20 | 1 | 3 |
วิธีรับวัคซีนสำหรับเด็กแรกเกิด
การรับวัคซีนตับอักเสบบีสำหรับเด็กแรกเกิด ต้องได้รับวัคซีน 3 เข็ม เมื่อเด็กทารกได้รับวัคซีนเข็มแรกหลังคลอดแล้ว ให้รับวัคซีนเข็มที่ 2 เมื่ออายุ 1-2 เดือน และเข็มที่ 3 เมื่ออายุ 6-7 เดือน ทั้งนี้การรับวัคซีนครั้งสุดท้าย เด็กจะต้องอายุมากกว่า 24 สัปดาห์
วิธีรับวัคซีนสำหรับผู้ที่ไม่เคยรับวัคซีนมาก่อน
สำหรับเด็กและผู้ใหญ่ที่ยังไม่เคยรับวัคซีนชนิดนี้ และไม่เคยมีการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบีมาก่อน ควรรับวัคซีนให้เร็วที่สุด หากได้รับวัคซีนเข็มแรกช้า ประสิทธิภาพในการป้องกันโรคจะลดลง สำหรับการรับวัคซีนจะรับด้วยการฉีดวัคซีน 3 ครั้ง เข็มที่สองให้ฉีดห่างจากครั้งแรกไปแล้ว อย่างน้อย 4 สัปดาห์ และฉีดวัคซีนเข็มสุดท้ายห่างจากครั้งที่สอง อย่างน้อย 8 สัปดาห์
อาการข้างเคียง
ผลข้างเคียงที่เกิดขึ้นได้จากการรับวัคซีนมีน้อยมาก อาจมีอาการบ้างดังนี้
- ปวด บวมแดงหรือเป็นตุ่มแข็งบริเวณที่ได้รับการฉีดวัคซีน
- มีไข้ อ่อนเพลีย
- ปวดหัว
- คลื่นไส้ อาเจียน
การป้องกันการติดเชื้อไวรัสจากโรคไวรัสตับอักเสบบีด้วยการฉีดวัคซีนป็นวิธีที่ง่าย และมีประสิทธิภาพดีที่สุดในการป้องกันตนเอง และยังเป็นวัคซีนพื้นฐานสำคัญที่ทุกคนควรได้รับ โดยเฉพาะเด็กทารก เพื่อป้องกันการติดเชื้อตั้งแต่แรกเกิด ทั้งนี้ภูมิคุ้มกันโรคไวรัสตับอักเสบบีจะเกิดขึ้นเต็มที่ในระดับที่สามารถป้องกันโรคได้หลังจากได้รับวัคซีนเข็มที่สอง สำหรับเข็มที่สามจะเป็นการกระตุ้นให้ภูมิคุ้มกันทำงานได้ดีขึ้น สามารถช่วยป้องกันโรคได้ 90-95% และจะมีภูมิคุ้มกันเป็นระยะเวลายาวนานกว่า 10 ปี
เรียบเรียงข้อมูลจาก
- สถาบันวัคซีนแห่งชาติ (องค์การมหาชน) – National Vaccine Institute
- สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์สาธารณสุข กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข
- วงการแพทย์